ประเดิมวันแรกของเดือนพฤษภาคม กระดานหุ้นแดงฉาน ดัชนีหุ้นดิ่งลงแรงจนเกือบหลุดแนวรับสำคัญที่ระดับ 1,650 จุด ส่งสัญญาณเตือนการย่างเข้าสู่ช่วงเวลา SELL IN MAY หรือการขายในเดือนพฤษภาคม ซึ่งตลาดหุ้นมักปรับตัวลง
ดัชนีหุ้นเมื่อวันอังคารที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมาปิดที่ 1,652.29 จุด ลดลง 15.15 จุด เนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศเทขายหุ้นจำนวน 1,834.45 ล้านบาท หลังจาก 4 เดือนแรกมียอดซื้อหุ้นสะสมสุทธิกว่า 1.21 แสนล้านบาท
สิ้นปี 2564 ดัชนีหุ้นปิดลงที่ระดับ 1,657.62 จุด ซึ่งการที่ดัชนีทรุดลงมายืนที่ระดับ 1,652.29 จุด ทำให้ผลตอบแทนของตลาดหุ้นนับจากต้นปีติดลบแล้ว 5.33 จุด ท่ามกลางมุมมองเชิงลบเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดหุ้นในระยะสั้น
ตามสถิติในรอบ 10 ปี เดือนพฤษภาคมมักจะเกิดการขายหุ้น หรือ SELL IN MAY จนตลาดหุ้นปรับตัวลง ซึ่งเดือนพฤษภาคมปีนี้ ตลาดหุ้นไทยอยู่ในจุดเสี่ยงที่จะปรับฐานลง เพราะมีปัจจัยลบกดดันรอบด้าน
โบรกเกอร์หลายสำนักส่งสัญญาณเตือนมาแล้ว ตลาดหุ้นอาจปรับตัวลงลึก และแนะนำให้ชะลอการลงทุน โดยรอจังหวะช้อนซื้อหุ้นที่ระดับ 1,600 จุด
ขณะที่ต้นสัปดาห์นี้ นักวิเคราะห์ เจ.พี.มอร์แกน ธนาคารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ได้ปรับลดน้ำหนักความน่าสนใจของตลาดหุ้นไทยลง จากระดับ “เพิ่มน้ำหนักการลงทุน” สู่ระดับ “คงน้ำหนักการลงทุน” เนื่องจากการท่องเที่ยวของไทยฟื้นตัวช้า อันเป็นผลจากปัญหาเงินเฟ้อและการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด
นอกจากนั้น ยังมีผลกระทบจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ผลกระทบจากสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งมีแนวโน้มจะยืดเยื้อ รวมทั้งสถานการณ์การเมืองภายในประเทศที่จะร้อนระอุขึ้น ช่วงเปิดสมัยประชุมสภาในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ โดยฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล จนอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ โบรกเกอร์บางสำนักประเมินว่า ช่วงเวลาที่ดีของตลาดหุ้นไทยในปีนี้ผ่านพ้นไปแล้วในไตรมาสแรก ส่วน 8 เดือนหลังตลาดหุ้นเสี่ยงที่จะเกิดความผันผวน เพราะมีปัจจัยลบกระหน่ำรอบด้าน
ส่วนนักลงทุนต่างประเทศที่เพิ่งหวนกลับมาไล่ช้อนซื้อหุ้นเป็นครั้งแรกรอบ 6 ปีในช่วง 4 เดือนแรก มีแนวโน้มที่จะชะลอการซื้อลง และหากไม่มีแรงซื้อจากต่างชาติหนุน ดัชนีคงไปต่อไม่ได้
แต่หากต่างชาติขายหุ้นต่อเนื่องจากวันอังคารที่ผ่านมา ตลาดหุ้นอาจปรับตัวเข้าสู่ช่วงขาลง เพราะกองทุนในประเทศซึ่งขายหุ้นออกประมาณ 9.5 หมื่นล้านบาทใน 4 เดือนแรก ไม่มีสัญญาณว่าจะกลับมาซื้อหุ้น
เป้าหมายดัชนี 1,750 จุดในปลายปีไม่ได้ถูกพูดถึงเท่าไหร่แล้ว เพราะแนวโน้มการลงทุนไม่สดใส ไม่มีข่าวดีที่จะเรียกความมั่นใจของนักลงทุน มีแต่ข่าวร้ายที่ต้องเฝ้าระวัง และเชื่อกันว่าในระยะสั้น ดัชนีไม่มีโอกาสจะวิ่งไปไกลกว่า 1,700 จุด
หรือถ้าขึ้นไปแตะ 1,700 จุด กลายเป็นจุดที่จะต้องชิงขายทำกำไร โดยจุดที่ควรจะรอเข้าไปซื้ออยู่ที่ระดับ 1,600 จุด
การเทขายหุ้นในเดือนพฤษภาคม หรือ SELL IN MAY ปีนี้จะเกิดขึ้นซ้ำรอยหรือไม่ ยังไม่อาจยืนยันได้ แต่ประเดิมวันแรกของเดือนพฤษภาคมปีนี้ ฝรั่งก็เปิดฉากถล่มขาย จนหุ้นทรุดฮวบลงแล้ว
และอาจเป็นสัญญาณเตือนนักลงทุนให้ระมัดระวังการย่างเข้าสู่ขาลงของตลาดหุ้น และจับตาความเคลื่อนไหวของต่างชาติ
เพราะถ้าต่างชาติปรับกลุยทธ์มาขายหุ้น แนวรับระดับ 1,600 จุดคงมีโอกาสได้เห็น
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เมื่อวันพุธที่พุ่งทะยาน 932 จุด หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ตามความคาดหมาย แต่ดัชนีหุ้นกลับไม่ขานรับเท่าไหร่ ซึ่งอาจเป็นปรากฏการณ์ตอกย้ำว่า
ตลาดหุ้นกำลังก้าวเข้าสู่ขาลงเต็มตัว