รายย่อยขายช้าไปหน่อย / สุนันท์ ศรีจันทรา

ปกติวันที่ตลาดหุ้นปรับตัวลง นักลงทุนรายย่อยมักเป็นผู้ซื้อหุ้นรายใหญ่ แต่ดัชนีหุ้นที่ดิ่งลงกว่า 25 จุด เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา กลุ่มนักลงทุนที่เทขายหุ้นหนักกลับเป็นนักลงทุนรายย่อย โดยขายหุ้นออกสุทธิจำนวน 8,347.32 ล้านบาท

และปรากฏการณ์ที่น่าประหลาดใจคือ พอร์ตโบรกเกอร์กลับเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ โดยซื้อสุทธิถึง 7,284.14 ล้านบาท ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย เพราะพอร์ตโบรกเกอร์มักซื้อหรือขายหุ้นน้อยมาก

ไม่รู้ว่าทำไมนักลงทุนรายย่อยจึงคิดเหมือนกัน คิดพร้อมๆ กัน โดยเห็นว่าควรจะต้องระบายหุ้นออกเพื่อลดความเสี่ยงจากตลาดหุ้นขาลงเต็มตัว

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทโบรกเกอร์หลายสำนักส่งสัญญาณเตือนภัยนักลงทุนมาล่วงหน้าหลายสัปดาห์แล้ว โดยประเมินว่า ตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงขาลง และแนะนำให้ขายหุ้นออก เพื่อถือเงินสดเตรียมรอช้อนซื้อหุ้นแถวแนวรับ 1,600 จุด

แต่นักลงทุนไม่ได้ขายหุ้นออกมาเท่าไหร่ และกลับเข้าไปช้อนซื้อเมื่อตลาดหุ้นปรับฐานด้วยซ้ำ เพิ่งจะเทขายจริงๆ จังๆ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งอาจตัดสินใจช้าไปหน่อย แต่ยังไม่สายเกินไปสำหรับการปรับกลยุทธ์

เพราะหุ้นมีแนวโน้มจะทรุดลงต่อ โดยแนวรับระดับ 1,600 จุดคงยืนไม่อยู่ และต้านปัจจัยลบที่กระหน่ำใส่ไม่ไหว

โบรกเกอร์บางสำนักมองว่า ขาลงรอบนี้ดัชนีหุ้นอาจดิ่งลงลึกถึงระดับ 1,580 จุด หรือแตะจุดต่ำสุดเดิมในปีนี้ แต่มีความเป็นไปได้ว่า หุ้นอาจไหลลงลึกเกินความคาดหมาย โดยลงไปแตะระดับ 1,550 จุด

ดัชนีเมื่อวันจันทร์ถอยรูดลงมาปิดที่ 1,604.49 จุด และไม่มีสัญญาณว่าจะฟื้นตัว เพราะรอบด้านเต็มไปด้วยข่าวร้าย ไม่ว่าสงครามรัสเซียกับยูเครนที่คงจะยืดเยื้อ ฉุดให้เศรษฐกิจทั่วโลกทรุดหนัก อัตราเงินเฟ้อพุ่ง ขณะที่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ครั้งต่อไปอาจใช้ยาแรงสกัดเงินเฟ้อ โดยขึ้น 0.75%

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กำลังหัวทิ่มหัวตำ ลงมาม้วนเดียวประมาณ 5,000 จุด ฉุดให้ตลาดหุ้นทั่วโลกแดงฉาน และไม่มีสัญญาณจะดีดตัวกลับ เพราะขาดแคลนข่าวดีที่จะกระตุ้น

นักลงทุนเชื่อแล้วว่า หุ้นเข้าสู่ช่วงขาลงเต็มตัว จึงพากันเทขายหุ้นในลักษณะหนีตาย เพราะถ้าไม่ปรับกลยุทธ์ ไม่รู้จักถอย มีโอกาสเจ็บตัวหนัก

การปรับฐานใหญ่แต่ละรอบไม่มีใครรู้ว่าจุดต่ำสุดอยู่ตรงไหน เช่นเดียวกับรอบนี้ ซึ่งแม้ดัชนีจะรูดลงมาเกือบ 100 จุดแล้ว แต่การปรับฐานยังไม่สะเด็ดน้ำ หุ้นมีแนวโน้มที่จะทรุดตัวต่อ และไม่ควรรีบร้อนช้อนซื้อ แม้ราคาจะต่ำจูงใจให้ช้อนเก็บก็ตาม

นักลงทุนที่ขายหุ้นออก หันมาถือเงินสดแทนไม่น่าจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด เพราะสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ และโอกาสที่ตลาดหุ้นจะ “ฟุบ” มีโอกาสมากกว่า “ฟื้น”

ต่างชาติที่เป็นกองหนุนสำคัญในข่วง 4 เดือนแรก ช้อนซื้อหุ้นเก็บไปกว่า 1.2 แสนล้านบาท ช่วงนี้เริ่มชะลอการลงทุน และคาดว่าแรงซื้อของต่างชาติจะแผ่วลง ทำให้ตลาดขาดแรงที่จะขับเคลื่อน จนเป้าหมายดัชนีปลายปีที่ระดับ 1,750 จุด ห่างไกลออกไปทุกที

ภาวะตลาดหมีกำลังปกคลุมหุ้นทั่วโลก ใครมีหุ้นในพอร์ตน้อย เจ็บตัวน้อย ไม่มีหุ้นติดมือเลย ยิ่งปลอดภัย

แต่ถ้ามีหุ้นเต็มพอร์ต ยังไม่สายเกินไปที่จะระบายขายออกบ้าง