WICE เผยผลประกอบการ Q1/65 รายได้รวม 2,165.85 ล้านบาท กำไรสุทธิ 157.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 93.31% ขนส่งทางทะเล-ข้ามแดนโตเด่น ตลาดหลักสหรัฐฯ ขยายตัว มองทิศทาง Q2/65 โตต่อตามแผน เพิ่มความสามารถในการทำกำไรของ 4 กลุ่มธุรกิจหลัก เน้นความร่วมมือพันธมิตร เสริมแกร่งธุรกิจ รองรับปริมาณงานขนส่งทั้งในและต่างประเทศ มั่นใจรายได้ตามเป้า 9,000 ล้านบาท
นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศแบบครบวงจร เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 1/65 บริษัทมีรายได้รวม 2,165.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,287.36 ล้านบาท จำนวน 878.49 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 68.24% และมีกำไรสุทธิ 157.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 81.60 ล้านบาท จำนวน 76.13 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 93.31%
ทั้งนี้ ผลประกอบการทั้งรายได้และกำไรของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากค่าบริการและปริมาณความต้องการขนส่งทางทะเล และการขนส่งข้ามแดนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มตลาดหลัก เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีการขนส่งสินค้าในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่มีมาร์จิ้นสูง
สำหรับทิศทางการดำเนินงานในไตรมาส 2/65 บริษัทยังคงรักษาการเติบโตตามแผนที่วางไว้ เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรใน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ บริการขนส่งทางทะเล (Sea Freight) การขนส่งทางอากาศ (Air Freight) การขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน (Cross Border Service) งานบริการด้านซัปพลายเชนโซลูชัน
อีกทั้งมีแผนการเพิ่มนวัตกรรมการขนส่งและขยายพื้นที่คลังสินค้า โดยเน้นความร่วมมือกับพันธมิตรต่อยอดธุรกิจ เพื่อรองรับปริมาณความต้องการขนส่งของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“บริษัทมุ่งมั่นดำเนินงานตามกลยุทธ์ที่วางไว้ เพื่อรักษาความสามารถในการกำไร พร้อมสร้างการเติบโตของรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2565 ที่ 9,000 ล้านบาท หรือเติบโต 20% ขณะเดียวกัน มาตรการล็อกดาวน์ในประเทศจีนส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยในระยะสั้นกับต้นทุนการขนส่ง และปัจจัยราคาน้ำมันที่ปรับตัว อย่างไรก็ตาม บริษัทได้มีการเตรียมแผนบริหารจัดการไว้เป็นอย่างดี และดำเนินการเจรจากับลูกค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาอัตราค่าบริการให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยคาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะเริ่มมีความคลี่คลายตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลัง 2565 เป็นต้นไป” นายชูเดช กล่าว
