xs
xsm
sm
md
lg

Bitkub อู้ฟู่ เสือนอนกิน ฟันกำไรปี 64 กว่า 2,545 ล้านบาท จากยอดรายได้ 5,509 ล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



Bitkub ประกาศงบผลประกอบการงวดบัญชีปี 2564 รวยอู้ฟู่ฟันกำไรกว่า 2,545 ล้านบาท จากรายได้รวมกว่า 5,166 ล้านบาท มากกว่าปี 2563 ที่มีรายได้เพียง 325 ล้านบาท และกำไร 79 ล้านบาท จากการโหมโฆษณาประชาสัมพันธ์ดึงนักลงทุนทุกเพศทุกวัยเข้าสู่อุตสาหกรรมคริปโตฯ ชูจุดขาย 10 บาทก็เทรดได้ และโขกค่าธรรมเนียมการซื้อหรือขายต่อครั้งกว่า 0.25%

ยังคงนั่งแท่นครองตำแหน่งเบอร์ 1 กระดานเทรดคริปโตฯ สัญชาติไทย ที่ไม่ว่าจะเดินไปไหนก็พบเห็นป้ายโฆษณาเชิญชวนอยู่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เว้นแม้กระทั่งลูกค้าเข้าแถวแคชเชียร์รอจ่ายเงินร้านสะดวกซื้อที่ขึ้นวิดีโอโฆษณาชวนเปิดบัญชีเทรด 10 บาท ก็ลงทุนได้ ซึ่งถือว่าใช้งบลงทุนเพื่อการโฆษณาอย่างคุ้มค่า ที่ได้ผลกลับมาเป็นรายได้กว่า 5,509 ล้านบาท

งบผลประกอบการปี 2564 บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด
โดยเฉพาะการวางยุทธศาสตร์ “ท็อป” จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ร่วมก่อตั้งเป็น LOGO จุดขาย สร้างความมั่งคั่งในยุค 5G ผ่านการลงทุนในธุรกิจศูนย์แลกเปลี่ยนซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี และสินทรัพย์ดิจิทัล NFT และ แผนในอนาคตกับการขยายอาณาจักรไปยัง metaverse ซึ่งสามารถทำเงินได้อีกนับจำนวนมหาศาล ตามแผนธุรกิจในระยะต่างๆ ในอนาคตอีกด้วย

โดยผลประกอบการงบการเงินประจำปี 2564 บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ได้เปิดเผยว่าบริษัทมีรายได้รวมกว่า 5,509 ล้านบาท โดยมีกำไร 2,545 ล้านบาท ขณะที่ในส่วนรายได้ของธุรกิจนั้นมาจากค่าธรรมเนียมและบริการถึง 5,166 ล้านบาท ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบรายได้ของปี 2563 กับ 2564 พบว่ามีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดเป็นอย่างมาก โดยในปี 2563 มีรายได้รวมอยู่ที่ 330 ล้านบาท ขณะที่กำไรเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว โดยในปี 2563 มีกำไร 79 ล้านบาทเพียงเท่านั้น

อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจเมื่อดูผลประกอบการของ Bitkub คือ ในส่วนของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการของธุรกิจที่เมื่อดูแล้วมีอัตราขยายตัวสูงมาก โดยในปี 2563 มีรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการอยู่ที่ 325 ล้านบาท แต่ในปี 2564 กระโดดไปถึง 5,166 ล้านบาท เหล่านี้แสดงให้ว่าคนไทยมีการลงทุนคริปโตเคอร์เรนซีผ่านแพลตฟอร์มของ Bitkub มากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นการทุ่มงบลงทุนที่คุ้มค่ากับการหว่านแหเพื่อซื้อโฆษณาในทุกช่องทาง

ขณะที่หากเทียบค่าธรรมเนียมกับกระดานเทรดอื่นๆ นั้น ในประเทศไทยนั้นมีเพียง Bitkub และ Bitazza และ Z.com EX ที่มีค่าธรรมเนียมที่ 0.25% ขณะที่ Satang และ Zipmex มีค่าธรรมเนียมอยู่ที่เพียง 0.2% เท่านั้น ขณะที่กระดานเทรด Binance ซึ่งเป็นกระดานเทรดอันดับ 1 ของโลก มีค่าธรรมเนียมเพียง 0.1% เท่านั้น

กราฟแสดงราคาเหรียญ KUBcoin ซึ่งยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าในปี 2564 ที่ผ่านมา Bitkub จะมีกิจกรรมต่างๆ ซึ่งส่งผลต่อรายได้ทางธุรกิจต่อบริษัทมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการออกเหรียญคู่บุญประจำกระดานเทรด ที่กำหนดราคา 1 KUBcoin เท่ากับ 30 บาท หรือ 1 USD เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2564 โดยเริ่มเปิดการซื้อขายครั้งแรกด้วยราคา 30 บาท โดยกำหนดจำนวนเหรียญไว้ทั้งหมด 1,000 ล้านเหรียญ โดยจากการเปิดซื้อขายในไม่นานราคาเหรียญ KUB ตกลงมาอยู่ในระดับต่ำกว่า 30 บาท และแตะจุดต่ำสุดที่ราคา 12-13 บาท ซึ่งจากจำนวนเหรียญที่มากเกินไปอาจทำให้ขาดแรงดึงดูดใจ จึงได้ทำการเผาเหรียญ KUB ทิ้ง 89% ของจำนวนทั้งหมดให้เหลือเหรียญในระบบแค่ 110 ล้านเหรียญเท่านั้น และหลังจากนั้นไม่นานมีการสร้างข่าวจุดพลุเก็งกำไรต่อมามากมาย ทั้งการเจรจาเข้าซื้อกิจการของกลุ่ม SCBX และการร่วมมือเป็นพันธมิตรกับ the mall group ตั้งบริษัทร่วมทุน บริษัท บิทคับ เอ็ม จํากัด (Bitkub M Company Limited) ในสัดส่วน 50:50 เพื่อร่วมลงทุนและบริหารบิทคับ เอ็ม โซเชียล (BITKUB M SOCIAL) ให้เป็นดิจิทัลคอมมูนิตี (Digital Community) แห่งแรกของไทยเพื่อหวังนำเหรียญคริปโตฯ มาใช้จ่ายแทนเงินตราปกติ แต่สุดท้ายต้องแท้งไปทั้งที่ยังไม่ทันได้ท้อง เพราะแบงก์ชาติ และ ก.ล.ต. ออกมาเบรกล้อตาย และดูเหมือนจุดที่พีกที่สุดของราคาเหรียญ KUB จะเป็นช่วงข่าวการนำเหรียญไปลิสต์ใน 3 กระดานเทรดต่างประเทศ ได้แก่ Gate.io, CoinEx และ MEXC Global จนราคาเหรียญ KUB พุ่งทะยานสูงสุดสร้างสถิติแตะ 580 บาท/เหรียญ ซึ่งหลังจากนั้น เหรียญ KUB ไม่เคยกลับไปยืนเหนือจุดเดิมได้อีกเลย และล่าสุดยังคงไหลลงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด ณ เวลา 22.10 น. ราคา KUBcoin อยู่ที่ 182 บาท/เหรียญ และยังคงมีแนวโน้มไหลลงทะลุแนวรับอย่างต่อเนื่อง จนไม่อาจคาดเดาได้ว่าสุดท้ายแล้วเหรียญ KUB ราคาจะหยุดอยู่ที่เท่าไหร่ ซึ่งมีนักลงทุนที่เป็นแฟนคลับของเหรียญ KUB ไม่น้อย ภาวนาขอให้ราคาเหรียญกลับมาที่ 500 บาท/เหรียญเหมือนเดิม ถึงขั้นประกาศจะแต่งชุดโกโกวาไปเต้นแก้บนหน้าบริษัท บิทคับ ออนไลน์ กันเลยทีเดียว


กำลังโหลดความคิดเห็น