ซาบีน่า เผยรายได้ไตรมาสแรกปี 2565 ดีกว่าที่คาด แม้โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนระบาด ชี้ลูกค้าปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ทำให้มีความมั่นใจในการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แจงไม่ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อ เหตุการบริหารจัดการสต๊อกสินค้าและวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ จากการวางแผนสั่งซื้อล่วงหน้ากับซัปพลายเออร์ มั่นใจหลัง ศบค.ไฟเขียวเปิดประเทศตั้งแต่ 1 พฤษภาคม กิจกรรมทางเศรษฐกิจจะคึก
น.ส.ดวงดาว มหะนาวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชุดชั้นในภายใต้แบรนด์ “ซาบีน่า” เปิดเผยว่า แม้ว่า ช่วงไตรมาสแรก (มกราคมถึงมีนาคม) ของปีนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจยังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน รวมถึงความกังวลเรื่องสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์บางรายการปรับตัวสูงขึ้น แต่ทั้ง 2 ปัจจัยไม่ได้ส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ โดยจากการติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด พบว่ารายได้ในไตรมาสแรกของปี 2565 ออกมาดีกว่าที่คาดไว้ ซึ่งปัจจัยสำคัญน่าจะมาจากการที่ผู้บริโภคปรับตัว และใช้ชีวิตเป็นปกติมากขึ้น ทำให้มีความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น
“ในมุมของรายได้จากการขาย เราไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยที่หลายคนกังวล รวมถึงความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสินค้าของเรา เนื่องจากสินค้าในหมวดแฟชั่นแตกต่างจากสินค้าหมวดอาหาร ที่มีเวลาจำกัด แต่ชุดชั้นในหรือผลิตภัณฑ์อื่นของบริษัทฯ สามารถขายได้เรื่อยๆ ทำให้ด้านการขายไม่มีปัญหา ขณะที่ต้นทุนการผลิตไม่ได้ขยับสูงขึ้น เนื่องจากเรามีการวางแผนการสั่งซื้อวัตถุดิบหลักๆ ล่วงหน้าร่วมกับซัปพลายเออร์ เพื่อเตรียมความพร้อมด้านวัตถุดิบให้มีความพร้อมในการส่งเข้ากระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่องในปริมาณที่ต้องการเท่านั้น (Just in time - JIT) ทำให้ไม่มีผลกระทบในเรื่องของการขึ้นราคาวัตถุดิบสืบเนื่องมาจากภาวะที่ไม่แน่นอนในระยะสั้นนี้ ทำให้เราไม่จำเป็นต้องผลักภาระให้ผู้บริโภค และทำให้ลูกค้ายังสามารถซื้อสินค้าคุณภาพในราคาที่เหมาะสมได้” น.ส.ดวงดาว กล่าว
สำหรับปัจจัยที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญและจับตามองเป็นพิเศษยังเป็นเรื่องของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ว่าจะกระทบกับบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยในระยะต่อไปหรือไม่ อย่างไรก็ตาม จากการประชุมของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ซึ่งล่าสุดมีมติให้ผ่อนคลายกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น รวมถึงการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 จะเอื้ออำนวยให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจคึกคักขึ้น และจะส่งผลดีกับธุรกิจค้าปลีก รวมถึง “ซาบีน่า” ที่จะมีแรงส่งต่อไปถึงไตรมาสที่ 2 ด้วยอย่างแน่นอน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABINA กล่าวด้วยว่า ยังเชื่อมั่นว่าเป้าหมายการเติบโตในปีนี้ที่วางไว้ที่ 20% จะเป็นไปได้ตามแผน โดยรายได้ยอดขายมีโอกาสจะกลับไปที่จุดสูงสุดที่เคยทำไว้เมื่อปี 2562 ก่อนการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งอยู่ที่ 3,295 ล้านบาท ส่วนเป้าหมายสร้างยอดขายในระดับ 5,000 ล้านบาทในปี 2567 แม้จะเป็นเป้าหมายที่มีความท้าทายมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อโควิด-19 ยังเป็นปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวัง แต่ฝ่ายบริหารและทีมงานของบริษัทฯ ยังคงมุ่งหวังที่จะทำให้สำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้