Shopify ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซระดับโลก และ Ledger ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์เข้ารหัส กำลังเผชิญกับความท้าทายทางกฎหมาย เมื่อเร็วๆ นี้ กลุ่มผู้ใช้บัญชีแยกประเภทได้ยื่นฟ้องในคดีฟ้องร้องกับบริษัทต่างๆ โดยกล่าวหาว่าบริษัทต่างๆ ล้มเหลวในการใช้มาตรการป้องกันตามสมควรเพื่อหลีกเลี่ยงการละเมิดข้อมูลที่ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลและการถือครอง Bitcoin
จากการรายงานของ yourstory ระบุว่า เมื่อวันที่ 1 เมษายน ผู้ใช้บัญชีแยกประเภทได้ยื่นฟ้องคดีแบบกลุ่มในศาลแขวงสหรัฐฯ ประจำเขตเดลาแวร์ ตามรายงานของสื่อหลายฉบับ ผู้ใช้อ้างว่า Shopify "ล้มเหลวในการปกป้องข้อมูลประจำตัวของลูกค้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า"
นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังได้ยื่นฟ้อง TaskUs ซึ่งเป็นบริการให้คำปรึกษาด้านข้อมูลของ Shopify Inc ซึ่งผู้ใช้ที่กำลังถือ TaskUs สำหรับการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (PII) ของผู้ใช้บัญชีแยกประเภท
Shopify ใช้ TaskUs เพื่อเปิดใช้งานการสนับสนุนลูกค้าสำหรับผู้ใช้
ตามคำร้องเรียน กระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ในฝรั่งเศส Ledger ยังถูกฟ้องร้องตกเป็นจำเลยในคดีที่ละเมิดข้อมูลลูกค้าซึ่ง Ledger ใช้ Shopify ในการจัดการร้านค้าออนไลน์และ Shopify ได้เข้าถึง PII ของลูกค้าโดยตรงบนฐานข้อมูลของ Ledger
อย่างไรก็ตาม กระเป๋าเงินดิจิทัลประเภทฮาร์ดแวร์ หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปของผู้ใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลเรียกว่ากระเป๋าเงินเย็นและทำงานเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้คีย์ส่วนตัวของผู้ใช้ ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถลงนามและยืนยันธุรกรรมได้ โดยกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์มีความสำคัญสำหรับบุคคลที่พยายามซื้อ หรือ ขาย และแลกเปลี่ยน cryptocurrencies เนื่องจากมีความปลอดภัยเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้อมูลถูกบุกรุกในกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ โดยในปี 2563 Ledger ประสบกับการละเมิดข้อมูลเมื่อที่อยู่อีเมลของผู้ใช้หลายคนของกระเป๋าเงิน cryptocurrency รั่วไหลทางออนไลน์ ซึ่งบริษัทกล่าวอ้างว่าแฮกเกอร์เข้าถึงฐานข้อมูลอีคอมเมิร์ซและการตลาดผ่านคีย์ API ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ แฮกเกอร์ใช้ Trezor ซึ่งเป็นรายชื่อส่งเมลของบริษัทกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ crypto wallet เพื่อส่งการแจ้งเตือนการละเมิดข้อมูลที่เป็นเท็จไปยังผู้ใช้กระเป๋าเงินคริปโตฯ
