หนุ่มชาวอินเดียออกมาเล่าประสบการณ์แฮกข้อมูลจากเว็บไซต์สายการบินท้องถิ่น เพื่อติดตามกระเป๋าเดินทางที่บังเอิญสลับกับผู้โดยสารอีกคน จนกระทั่งได้มันคืน
สื่อ BBC ของอังกฤษตีแผ่เรื่องราวของ นันดัน กุมาร (Nandan Kumar) หนุ่มอินเดียวัย 28 ปี ซึ่งเล่าผ่านทวิตเตอร์ว่า ตอนที่เขาเดินไปถึงสายพานลำเลียง ผู้โดยสารอีกคนได้หยิบกระเป๋าสลับกันไปแล้ว และเขาเองก็เพิ่งจะรู้ตัวตอนกลับถึงบ้าน เพราะกระเป๋าทั้ง 2 ใบหน้าตาคล้ายกันมาก
เนื่องจากบนกระเป๋ามีแท็กซึ่งระบุ Passenger Name Record (PNR) อยู่ กุมาร จึงรีบโทร.ติดต่อสายการบินอินดิโก (IndiGo) ทันทีเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่เจ้าหน้าที่ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับผู้โดยสารอีกคน โดยอ้างกฎว่าด้วยการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมรับปากว่าจะโทร.แจ้งหลังจากที่สามารถติดต่อผู้โดยสารคนดังกล่าวได้
“แต่พวกเขาก็เงียบหายไปเลย” กุมาร กล่าว
กุมาร ซึ่งมีอาชีพเป็นวิศวกรซอฟต์แวร์ยืนยันว่าเขา “ไม่ใช่แฮกเกอร์มืออาชีพ” แต่จำเป็นต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ได้กระเป๋าคืนมา
เช้าวันต่อมา กุมาร ได้นำ PNR ของผู้โดยสารคนดังกล่าวไปสืบค้นในเว็บไซต์ของ IndiGo โดยหวังว่าอาจจะพบที่อยู่หรือเบอร์โทรศัพท์ เขาลองทำหลายอย่างตั้งแต่เข้าระบบเช็กอิน เปลี่ยนแปลงแก้ไขบุ๊กกิ้ง และอัปเดตข้อมูลการติดต่อ แต่ก็ไม่สำเร็จ
“หลังจากที่ลองหลายวิธีแล้วไม่เวิร์ก ผมก็อาศัยสัญชาตญาณของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ด้วยการกดปุ่ม F12 บนคีย์บอร์ด เพื่อเปิด developer console ของเว็บไซต์ IndiGo” เขากล่าว
ไม่น่าเชื่อว่าเทคนิคง่ายๆ นี้ช่วยให้เขาค้นเจอเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนร่วมทางที่หยิบกระเป๋าสลับกันไป และทั้งคู่ได้นัดเจอกันเพื่อแลกกระเป๋าคืนเป็นที่เรียบร้อย
“ว่ากันตามตรง ผมแค่เช็กเบอร์โทรศัพท์ อีเมล หรืออะไรก็ได้ที่จะช่วยให้ผมสามารถติดต่อกับเขาเพื่อขอกระเป๋าคืนก็เท่านั้น” กุมาร กล่าว
“PNR และนามสกุลเป็นข้อมูลที่เข้าถึงได้ง่ายมาก ผู้โดยสารมักจะชอบแชร์บอร์ดดิงพาส ใครๆ ก็อาจเห็นกระเป๋าของคุณ และอาจจะถ่ายรูปแล้วเอามันไปใช้เพื่อเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของคุณในภายหลังได้”
IndiGo ยืนยันกับ BBC ว่า “ไม่มีข้อมูลลับเฉพาะใดๆ รั่วไหลออกจากเว็บไซต์” ของบริษัท พร้อมยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายดูแลลูกค้าปฏิบัติตามกฎอย่างถูกต้อง ด้วยการไม่แชร์ข้อมูลส่วนตัวของผู้โดยสารให้บุคคลอื่นทราบ
สำหรับสาเหตุที่ติดตามกระเป๋าล่าช้า ทางสายการบินชี้แจงว่าได้พยายามโทร.ติดต่อผู้โดยสารที่หยิบกระเป๋าผิดแล้ว ทว่าไม่มีคนรับสาย
ที่มา : BBC