ธนาคารกลางของรัสเซีย อนุมัติให้ Sberbank หนึ่งในธนาคารเก่าแก่ที่อยู่ในสถานะร่อแร่ใกล้ล้มละลายจากมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย สามารถรับทำธุรกรรมเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล และคริปโตฯ ได้ หวังให้ประคองธุรกิจรอดพ้นจากภาวะล้มละลาย
จากการรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ ระบุว่า ธนาคารกลางของรัสเซียได้อนุมัติให้สิทธิผู้ให้กู้รายใหญ่ Sberbank ในการออกและแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ทางการเงินดิจิทัล ซึ่งถือเป็นความพยายามในการเข้าช่วยเหลือด้วยการเปิดโอกาสใหม่ให้ธนาคารเก่าแก่ที่ได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรจากตะวันตก
ขณะที่แพลตฟอร์มบล็อกเชน Atomyze Russia ระบุเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ว่า กลายเป็นบริษัทแรกที่ได้รับไฟเขียวในการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างถูกกฎหมายในประเทศ โดยที่ผ่านมา ธนาคารกลางไม่ระบุสถานะที่ชัดเจนต่อ cryptocurrencies แม้กระทั่งการการห้ามซื้อขายและขุดเหมืองคริปโตฯ
ขณะที่ Sberbank ซึ่งกล่าวว่ากำลังดำเนินการเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลของตนเอง โดยมีรายชื่ออยู่ในทะเบียนของธนาคารกลางซึ่งได้ร่วมกับ Lighthouse ที่เป็นระบบนิเวศทางการเงิน ทำให้ทั้ง 2 บริษัทสามารถออกสินทรัพย์ดิจิทัลและแลกเปลี่ยนบนแพลตฟอร์มของตนได้ โดย Sberbank กล่าวว่า จะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนที่รับประกันความปลอดภัยของธุรกรรมดิจิทัลและจะอนุญาตให้บริษัทต่างๆ ออกสินทรัพย์ดิจิทัลของตนเอง ซื้อขาย หรือแลกเปลี่ยนภายในระบบของ Sberbank ตลอดจนถึงธุรกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งจะเพิ่มเข้ามาในอนาคต
ขณะที่ Gref ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Sberbank ได้กล่าวในช่วงปลายปี 2020 ว่า ธนาคารกำลังร่วมมือกับ JP Morgan เพื่อเตรียมคริปโตเคอร์เรนซี (cryptocurrency) ของตัวเองที่เรียกว่า Sbercoin แต่ยังไม่ได้เปิดตัว
อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวในตลาดการเงินกล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ในเดือนกุมภาพันธ์ว่าก่อนวิกฤตในยูเครนจะคลี่คลาย Sberbank กำลังเตรียมที่จะเปิดตัว Sbercoin เพื่อกอบกู้สถานะกิจการของธนาคารที่กำลังสั่นคลอน
ขณะที่การคว่ำบาตรของชาติตะวันตกที่แข็งกร้าวต่อรัสเซียอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนได้ส่งผลกระทบต่อระบบการเงินของรัสเซีย จากเหตุการณ์ที่รัสเซียบบุกโจมตียูเครน และ Sberbank ก็เป็นหนึ่งในบริษัทเป้าหมาย ไม่ชัดเจนว่าการคว่ำบาตรและวิกฤตอาจส่งผลต่อการเปิดตัวของ Sbercoin หรือการเป็นหุ้นส่วนของ Sberbank กับ JP Morgan มากน้อยแค่ไหน
ทั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลรัสเซียมีความกลัวว่า cryptocurrencies อาจเป็นภัยคุกคามที่ส่งผลต่อความมั่นคงทางการเงินของรัสเซีย และความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน และอำนาจอธิปไตยของนโยบายการเงิน ซึ่งทำให้ธนาคารกลางได้มีการโต้แย้งต่อกระทรวงการคลังอย่างรุนแรงในการออกมาตรการควบคุมอุตสาหกรรม crypto ในรัสเซีย ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่ยังไม่สามารถประเมินได้ เนื่องจากรัสเซียเป็นหนึ่งในประเทศอันดับต้นๆ ของโลกที่ถูกจัดให้เป็นแหล่งต้นตอของภัยคุกคามทางไซเบอร์ ทั้งแฮกเกอร์ หรือ โปรแกรมการคุกคามเรียกค่าไถ่ในระบบโครงข่ายคอมพิวเตอร์