หุ้นไทยปิดตลาดเบาบาง +0.08 จุด โบรกฯ ชี้ดัชนีแกว่งในกรอบแคบอิงแดนบวก ได้แรงหนุนโมเมนตัมเชิงบวกในต่างประเทศ แรงเก็งกำไรหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ช่วยหนุน แนะจับตาประกาศตัวเลขการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ โดยประเมินแนวรับ 1,670 จุด และแนวต้านที่ 1,690 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 23 มี.ค.2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเบาบาง +0.08 จุด หรือ +0.00% โดยปิดตลาดที่ 1,677.95 จุด มูลค่าการซื้อขาย 70,229.50 ล้านบาท โดยภาพรวมดัชนีการซื้อขายหุ้นวันนี้ SET INDEX เคลื่อนไหวแกว่งตัวในกรอบแคบๆ โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,686.14 จุด ในขณะเดียวกันปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,676.88 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 713 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 628 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 969 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิกว่า 368.10 ล้านบาท และบัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า 164.80 ล้านบาท ในทางกลับกัน พบว่า นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -395.79 ล้านบาท และนักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -137.11 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,759.13 ล้านบาท ปิดที่ 158.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
2.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,252.06 ล้านบาท ปิดที่ 65.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
3.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,089.45 ล้านบาท ปิดที่ 152.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
4.KCE มูลค่าการซื้อขาย 1,805.10 ล้านบาท ปิดที่ 65.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
5.EA มูลค่าการซื้อขาย 1,720.44 ล้านบาท ปิดที่ 93.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BLA ปิดที่ 43.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท หรือ 5.45%
2.SINGER ปิดที่ 51.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 3.02%
3.KCE ปิดที่ 65.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 2.36%
4.PTTEP ปิดที่ 152.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 1.00%
5.HANA ปิดที่ 50.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ +2.55
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.ADVANC ปิดที่ 226.00 บาท ลดลง 4.00 บาท หรือ 1.74%
2.RCL(XD) ปิดที่ 47.50 บาท ลดลง 3.00 บาท หรือ 5.94%
3.EGCO ปิดที่ 170.50 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 1.16%
4.CPN ปิดที่ 54.75 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 2.67%
5.CRC ปิดที่ 37.75 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ -2.58%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,291.22 จุด ลดลง -6.83 จุด หรือ -0.30% ด้านดัชนี SET50 ปิดที่ 1,008.61 จุด ลดลง -3.92 จุด หรือ -0.39% และ ดัชนีตลาด mai ปิดที่ 630.89 จุด เพิ่มขึ้น 14.04 จุด หรือ 2.28%
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโสและนักกลยุทธ์ บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งในกรอบแคบ อิงทางแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ โดยได้แรงหนุนจากโมเมนตัมเชิงบวกในตลาดต่างประเทศ แต่ยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ ที่จะเข้ามาเป็นแรงส่งให้ตลาดปรับตัวขึ้นแรงได้
ขณะที่การลงทุนวันนี้มีแรงเก็งกำไรเข้ามาในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ หลังนักลงทุนตอบรับข่าวการปรับลดอันดับเครดิตธนาคารพาณิชย์ไปแล้ว รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (Bond Yield) ที่ปรับตัวขึ้น 2.4% เป็นปัจจัยหนุนต่อหุ้นกลุ่มดังกล่าวด้วย นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวขึ้นได้ดี หลังจากปรับตัวลงไปพอสมควร คล้ายกันกับหุ้นเทคโนโลยีในตลาดโลก อีกทั้งค่าเงินบาทอยู่ในโทนอ่อนค่า จึงเป็นการเพิ่มแรงเก็งกำไรเข้ามาด้วย
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ นายวิจิตร กล่าวว่า ตลาดน่าจะยังคงแกว่งตัวอยู่ในกรอบ โดยนักลงทุนรอดูการเปิดเผยตัวเลขการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ในวันพรุ่งนี้ คาดว่าส่งออกจะเติบโตได้ 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ปัจจัยในต่างประเทศยังต้องติดตามในเรื่องของอัตราเงินเฟ้อ และนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยประเมินกรอบการลงทุนแนวรับที่ 1,670 จุด และแนวต้านที่ 1,690 จุด