หุ้นไทยปิด +4.00 จุด โบรกฯ ชี้ตลาดคลายกังวลการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังไม่สะท้อนผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากนัก กอปรกับมีแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์ด้วย มองกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้ประเมินแนวรับ 1,668 จุด และแนวต้านที่ 1,685 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 22 มีนาคม 2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้น +4.00 จุด หรือ +0.24% โดยปิดตลาดที่ 1,677.87 จุด มูลค่าการซื้อขาย 81,863.19 ล้านบาท โดยภาพรวมการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนในกรอบแคบๆ ก่อนที่จะค่อยปรับตัวขึ้นมาในแดนบวกช่วงบ่าย โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,680.00 จุด ขณะเดียวกันปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,670.55 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 719 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 567 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 1,047 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิกว่า 3,621.40 ล้านบาท และบัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า 290.88 ล้านบาท ในทางกลับกัน พบว่า นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -3,766.99 ล้านบาท และนักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -145.29 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 4,573.32 ล้านบาท ปิดที่ 150.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท
2.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 4,385.02 ล้านบาท ปิดที่ 158.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
3.PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,509.12 ล้านบาท ปิดที่ 39.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
4.EA มูลค่าการซื้อขาย 3,092.45 ล้านบาท ปิดที่ 93.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.75 บาท
5.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,722.00 ล้านบาท ปิดที่ 66.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.PTTEP ปิดที่ 150.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท หรือ 3.08%
2.SCC ปิดที่ 381.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือ 0.79%
3.EA ปิดที่ 93.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.75 บาท หรือ 4.18%
4.BLA ปิดที่ 41.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 3.77%
5.BBL ปิดที่ 136.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 1.11%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.AEONTS ปิดที่ 197.00 บาท ลดลง 4.00 บาท หรือ 1.99%
2.SAWAD ปิดที่ 56.50 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 3.42%
3.SCB ปิดที่ 113.00 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 1.31%
4.SCGP ปิดที่ 56.00 บาท ลดลง 1.25 บาท หรือ 2.18%
5.CPALL ปิดที่ 66.00 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 1.49%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,298.05 จุด เพิ่มขึ้น 3.81 จุด หรือ 0.17% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 1,012.53 จุด เพิ่มขึ้น 1.65 จุด หรือ 0.16% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 616.85 จุด เพิ่มขึ้น 0.32 จุด หรือ 0.05%
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ช่วงบ่ายปรับตัวขึ้นได้ดี สอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ช่วงเช้ามีแรงขายทำกำไร และช่วงบ่ายมีการฟื้นตัวขึ้น โดยมีปัจจัยหนุนมาจากนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลต่อกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และอาจขึ้นมากกว่า 0.25% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ เนื่องด้วยเฟดมีการย้ำชัดเจนว่าจะไม่ทำให้เศรษฐกิจสะดุดในระหว่างทางที่มีการขึ้นดอกเบี้ย
ขณะที่บรรยากาศการลงทุนได้ปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่เข้ามาประคองตลาดได้ดี เช่น โรงกลั่น รวมถึงยังมีแรงซื้อคืนในหุ้นธนาคารพาณิชย์ด้วย นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีการอนุมัติมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพ ซึ่งจะส่งผลดีต่อกำลังซื้อในภาพรวม
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ นายกิจพณ กล่าวว่า ตลาดน่าจะแกว่งตัวในกรอบ ซึ่งนักลงทุนอยู่ระหว่างรอดูตัวเลขการส่งออกของไทยที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ให้แนวรับ 1,668 จุด และแนวต้านที่ 1,685 จุด