xs
xsm
sm
md
lg

แรงตึงเครียด "รัสเซีย-ยูเครน" ยังกดดันการลงทุน ฉุดดัชนีดิ่ง -7.60 จุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หุ้นไทยเผชิญแรงกดดันจากสงคราม "รัสเซีย-ยูเครน" ต่อเนื่อง ฉุดดัชนี -7.60 จุด โบรกฯ ชี้สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ สร้างแรงตึงเครียดต่อผลกระทบในส่วนราคาพลังงานทางอ้อมที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น แนะจับตาสถานการณ์ความขัดแย้งอย่างใกล้ชิด พร้อมประเมินกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้แนวรับที่ 1,600 จุด และแนวต้านที่ 1,640 จุด

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 8 มีนาคม 2565 ปรับตัวลดลง -7.60 จุด หรือ -0.47% โดยปิดตลาดที่ 1,619.10 จุด มูลค่าการซื้อขาย 149,938.39 ล้านบาท โดยภาพรวมการลงทุนในวันนี้ ดัชนี SET INDEX แกว่งตัวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน ซึ่งในระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,633.50 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,580.80 จุด

ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 573 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 398 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 1,424 หลักทรัพย์

ด้านปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิกว่า 2,847.61 ล้านบาท และนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า 716.17 ล้านบาท ในทางกลับกัน พบว่า บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -2,763.69 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -800.08 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 7,007.96 ล้านบาท ปิดที่ 156.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
2.SCB มูลค่าการซื้อขาย 4,476.83 ล้านบาท ปิดที่ 114.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
3.PTT มูลค่าการซื้อขาย 4,273.12 ล้านบาท ปิดที่ 38.25 บาท ลดลง 0.25 บาท
4.BANPU มูลค่าการซื้อขาย 3,967.70 ล้านบาท ปิดที่ 11.70 บาท ลดลง 0.40 บาท
5.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 3,915.83 ล้านบาท ปิดที่ 65.75 บาท ไม่มีการเปลี่ยนแปลง

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BH ปิดที่ 171.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท หรือ 2.69%
2.BBL ปิดที่ 132.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือ 2.33%
3.KBANK ปิดที่ 156.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 1.30%
4.BLA ปิดที่ 39.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท หรือ 4.64%
5.TIDLOR ปิดที่ 39.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 3.97%

ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.EA ปิดที่ 83.00 บาท ลดลง 3.00 บาท หรือ 3.49%
2.HANA ปิดที่ 44.25 บาท ลดลง 2.75 บาท หรือ 5.85%
3.EGCO ปิดที่ 168.50 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 1.17%
4.AEONTS ปิดที่ 192.50 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 1.03%
5.CBG ปิดที่ 98.50 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 1.50%
 
ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,196.25 จุด ลดลง -31.76 จุด หรือ -1.43% ด้านดัชนี SET50 ปิดที่ 970.24 จุด ลดลง -13.34 จุด หรือ -1.36% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 589.06 จุด ลดลง -17.39 จุด หรือ -2.87%

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ผันผวนค่อนข้างมาก หลังจากที่ในช่วงเช้าพลิกกลับขึ้นมาในแดนบวก ก่อนจะปรับตัวลดลงไปลึกถึง 45.90 จุด จากนั้นดีดกลับขึ้นมายืนเหนือ 1,600 จุดได้ ซึ่งยังคงต้องติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ แม้ประเทศไทยไม่ได้รับผลกระทบทางตรง แต่เป็นผลกระทบทางอ้อมจากราคาพลังงานที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น

ขณะที่แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้มีโอกาสรีบาวนด์ได้ หลังจากภาพรวมดัชนี 2 วันนี้ปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมากแล้ว แต่ยังคงต้องติดตามความคืบหน้าของสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะความคืบหน้าของการเจรจาเพื่อหาทางออก โดยประเมินกรอบดัชนีแนวรับที่ 1,600 จุด และแนวต้านที่ 1,640 จุด


กำลังโหลดความคิดเห็น