นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบยังปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนตึงเครียดขึ้น แม้จะมีการเจรจายุติสงครามกันมาแล้วหลายครั้ง และคืนนี้จะมีการเจรจาของทั้งสองฝ่ายเป็นครั้งที่ 3 แต่การเจรจาที่ผ่านมายังไม่เห็นภาพของการที่จะประสบความสำเร็จได้ ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนไปทั่วโลก และราคาน้ำมันดิบที่คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นต่อ
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างมากจากสถานการณ์ในครั้งนี้มีกลุ่มบรรจุภัณฑ์ วัสดุก่อสร้าง ขนส่ง โดยเฉพาะกลุ่มสายการบิน และโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) เป็นต้น แนะนำให้ชะลอการลงทุนไปก่อนจนกว่าสถานการณ์จะผ่อนคลายลง และยังต้องติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด ขณะที่ราคาหุ้นหลายตัวได้ผ่านจุดตัดขาดทุนไปแล้ว หากนักลงทุนมีหุ้นดังกล่าวในพอร์ต แนะนำ "ถือ"
อย่างไรก็ดี มองทิศทางราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นมาน่าจะใกล้ถึงจุดสูงสุดแล้ว และมีโอกาสที่ราคาน้ำมันดิบอาจพักตัวลงมาในระยะสั้น เห็นได้จากหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบขึ้น อย่าง บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) บมจ.บ้านปู (BANPU) ยังมีแรงขายสลับออกมา เนื่องจากคนส่วนใหญ่เชื่อว่าราคาน้ำมันดิบคงจะขึ้นได้ต่อไปได้น้อยลงแล้ว อีกทั้งหลายประเทศเริ่มมีมาตรการควบคุมราคาพลังงานด้วย
สำหรับคำแนะนำการลงทุนในช่วงนี้ แนะ "เทรดดิ้ง" หุ้นที่ได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบเพื่อบริหารความเสี่ยงให้พอร์ต โดยอาจจะหลีกเลี่ยงลงทุนในกลุ่ม Oil&Gas เนื่องจากลุ่มนี้ปรับตัวขึ้นไปพอสมควรแล้ว แต่ให้หาหุ้นที่ได้ประโยชน์รองลงมา เช่น กลุ่มขนส่งน้ำมัน อย่าง บมจ.พริมา มารีน (PRM) รับเหมาก่อสร้าง Oil&Gas อย่าง บมจ.บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี (BJCHI) บมจ.ศรีราชาคอนสตรัคชั่น (SRICHA) Soft Commodity อย่าง บมจ.อุบล ไบโอ เอทานอล (UBE) บมจ.ที เอส ฟลาวมิลล์ (TMILL)