สปสช. ร่วมกับธนาคารกรุงไทย และสภาเภสัชกรรม กระจายชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) สำหรับประชาชนทุกสิทธิที่เป็นกลุ่มเสี่ยงตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยตนเอง โดยกระจายผ่านหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติกว่า 2,000 แห่ง ตั้งแต่ 1 มีนาคมนี้เป็นต้นไป
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า สำหรับชุดตรวจ ATK ที่กระจายในครั้งนี้ สปสช. เน้นการเพิ่มโอกาสเข้าถึงชุดตรวจ ATK ของประชาชนกลุ่มเสี่ยง เพื่อลดภาระหรือผลกระทบในการจัดหาของประชาชน โดยเพิ่มจำนวนประชาชนที่จะเข้าถึงบริการให้มากขึ้น รวมทั้งชุดตรวจ ATK ที่กระจายในครั้งนี้ สปสช. เน้นเป็นชุดตรวจที่อยู่ในรายการสินค้าบัญชีนวัตกรรม เพื่อเป็นการร่วมสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ของประเทศไทยตามนโยบายของรัฐบาล โดย สปสช.จะทำหน้าที่เป็นกลไกกลางในการประสานกับผู้จำหน่าย ATK ในบัญชีนวัตกรรม องค์การเภสัชกรรม เพื่อให้ได้ในราคาที่เหมาะสมและจำนวนตามความต้องการของหน่วยบริการ
ส่วนแนวทางในการรับชุดตรวจ ATK เมื่อประชาชนคัดกรองความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังแล้ว หากผลประเมินว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงสามารถขอรับชุดตรวจได้ที่หน่วยบริการที่เข้าร่วมกระจายชุดตรวจ ATK ได้แก่ ร้านยา คลินิกพยาบาล คลินิกกายภาพบำบัด หน่วยเทคนิคการแพทย์ หรือหน่วยบริการอื่นๆ กว่า 2,000 แห่ง โดยดำเนินการยืนยันการให้บริการผ่านแอปเป๋าตัง กรณีไม่มีมือถือสมาร์ทโฟนไปขอรับโดยตรงได้ที่หน่วยบริการที่เข้าร่วมโครงการตามขั้นตอน
สำหรับการกระจายชุดตรวจ ATK ในรอบนี้ สปสช. ได้ปรับรูปแบบการบริหารจัดการใหม่ โดยให้หน่วยบริการที่ร่วมกระจาย ATK เบิกจ่ายชดเชยมาที่ สปสช. ในอัตรา 55 บาทต่อชุด รวมค่าชุดตรวจ ค่าบริการในการให้คำแนะนำการใช้ชุดตรวจ การอ่านผล และการปฏิบัติตัวของประชาชน ประชาชนจะได้รับครั้งละ 1-2 ชุด ห่างกัน 5-10 วัน หมายความว่าถ้าได้รับแจก 1 ชุด อีก 5 วันหลังรับไปแล้ว สามารถมาขอรับได้อีก แต่ถ้าได้รับ 2 ชุด อีก 10 วันหลังรับไปแล้วสามารถมาขอรับได้อีก ซึ่งจะทำให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงได้รับ ATK อย่างทั่วถึง
นายธวัชชัย ชีวานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน สายงานบริหารจัดการทางการเงินเพื่อธุรกิจธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ตามที่ธนาคารได้ร่วมกับ สปสช. กระจายชุดตรวจ ATK ผ่าน “โครงการกระจายอุปกรณ์ตรวจแอนติเจนด้วยตนเอง (ATK) เพื่อคัดกรองการติดเชื้อ COVID-19” ของประชาชนกลุ่มเสี่ยงผ่านแอปเป๋าตัง ซึ่งเป็นการขยายบริการให้ครอบคลุมการเข้าถึงสิทธิสร้างเสริมสุขภาพและระบบสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง สำหรับประชาชนคนไทยทุกสิทธิที่เป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 สามารถทำตามขั้นตอน ดังนี้
กรณีรับบริการผ่านสมาร์ทโฟน
· เข้าแอปเป๋าตัง/กระเป๋าสุขภาพ เลือก “ฟรี ชุดตรวจโควิด”
· ทำแบบประเมินความเสี่ยงก่อนรับชุดตรวจโควิด-19
· ค้นหาหน่วยบริการใกล้ฉันและโทร.ติดต่อสอบถาม
· เดินทางไปรับพร้อมมือถือที่มีแอปเป๋าตัง เพื่อใช้สแกน QR Code แอปถุงเงินของหน่วยบริการ
· หากมีความเสี่ยงและได้รับชุดตรวจ 1-2 ชุด นำกลับมาตรวจและบันทึกผลผ่านแอปเป๋าตัง/กระเป๋าสุขภาพ
กรณีไม่มีสมาร์ทโฟน
· โทร.1330 สอบถามข้อมูลหน่วยบริการที่เข้าร่วมโครงการ
· เดินทางไปที่หน่วย พร้อมบัตรประชาชน/สูติบัตร เพื่อให้ตัวแทนทำประเมินความเสี่ยงให้
· หากมีความเสี่ยงจะได้รับชุดตรวจ 1-2 ชุด และนำกลับมาตรวจและกลับมาแจ้ง ตัวแทนที่ให้บันทึกผลตรวจให้
· สิ้นวัน ตัวแทนสแกน QR Code แอปถุงเงินของหน่วยตนเองเพื่อบันทึกการแจก (แจกได้ 100 คน/วัน)
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาธนาคารได้ร่วมกับ สปสช. เปิดให้ประชาชนจองสิทธิการเสริมสร้างสุขภาพและป้องกันโรครวม 16 บริการ ผ่านกระเป๋าสุขภาพ หรือ Health Wallet บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ สิทธิสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ซึ่งเป็นสิทธิการรักษาพยาบาลของภาครัฐที่มอบให้ประชาชนในการดูแลสุขภาพของตนเองตั้งแต่แรก เกิดจนถึงวัยสูงอายุได้สะดวกรวดเร็วขึ้น เริ่มตั้งแต่การจองสิทธิฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล 2564 การเปิดให้บริการ ชุดตรวจโควิด-19 “Antigen Test Kit (ATK)” ผ่าน “โครงการกระจายอุปกรณ์ตรวจแอนติเจนด้วยตนเอง (ATK) เพื่อคัดกรองการติดเชื้อ COVID-19” ของประชาชนกลุ่มเสี่ยง ผ่านแอปเป๋าตัง และโครงการให้บริการจองสิทธิขอรับยาเม็ดคุมกำเนิดผ่านกระเป๋าสุขภาพ (Health Wallet) บนแอปเป๋าตัง โดยธนาคารกรุงไทยมีความพร้อมในการพัฒนาระบบ Krungthai Digital Health Platform ให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้ใช้บริการทุกคน เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับระบบสาธารณสุขของประเทศอย่างยั่งยืน
สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยดาวน์โหลดแอปเป๋าตัง สามารถดาวน์โหลดและลงทะเบียนได้ที่ https://krungthai.com/link/paotang-ktbwallet โดยธนาคารกรุงไทยมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาระบบแอปเป๋าตัง เพื่อรองรับการดำเนินนโยบายของภาครัฐ และทำให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงบริการและมาตรการต่างๆ ของภาครัฐได้อย่างทั่วถึง เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยและสร้างความยั่งยืนให้สังคมในระยะยาวต่อไป
ด้าน รศ.(พิเศษ) ภก.กิตติ พิทักษ์นิตินันท์ นายกสภาเภสัชกรรม กล่าวว่า ขณะนี้มีร้านยาที่เข้าร่วมโครงการประมาณ 1,500 ร้านทั่วประเทศและยังรับสมัครเพิ่มเรื่อยๆ โดยการดำเนินการในรอบนี้ได้มีการปรับระบบใหม่ จากที่ร้านยารอรับ ATK จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เปลี่ยนเป็นให้ร้านยาสามารถจัดหาได้เอง โดย สปสช. จ่ายเงินให้ชุดละ 55 บาท ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้ร้านยามีความยืดหยุ่น สามารถจัดหา ATK ได้เหมาะสมตามความต้องการของประชาชนมากขึ้น ซึ่งสภาเภสัชกรรมได้เจรจากับองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ให้เป็นผู้สนับสนุนหลักในการจัดหา ATK แก่ร้านยาที่เข้าร่วมโครงการ เพราะการที่ อภ. ซื้อในล็อตใหญ่จะช่วยให้จัดหาได้ในราคาต้นทุนที่ต่ำ ขณะเดียวกัน ยังได้ประสานกับบริษัทผู้จัดจำหน่ายที่มีสินค้าอยู่ในสต๊อกและยินดีขายในราคาพิเศษแก่ร้านยาที่เข้าร่วมโครงการ ทางสภาเภสัชกรรมจะจัดทำรายชื่อบริษัทที่พร้อมขาย ATK ในราคาพิเศษให้ร้านยาที่เข้าร่วมโครงการได้รับทราบและเตรียมสั่งซื้อต่อไป
"ส่วนการจ่ายเงินนั้น สปสช.จะจ่ายเงินผ่านระบบของแอปพลิเคชันเป๋าตังซึ่งจะทำให้เกิดความรวดเร็วมากขึ้น ดังนั้น 2 ประเด็นนี้จะเป็นหลักประกันช่วยทำให้โครงการเดินหน้าไปด้วยดี และหลังจากนี้จะมีการประชุมชี้แจงการปรับระบบให้ร้านยารับทราบ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าไม่น่าจะมีปัญหาแบบเดิมแล้ว และน่าจะทำให้ร้านยาสนใจเข้าร่วมกระจาย ATK มากขึ้น" รศ.(พิเศษ) ภก.กิตติ กล่าว