การเคหะแห่งชาติ (กคช.) ร่วมกับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการบูรณาการการใช้ที่ดินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเพื่อจัดทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยมี พลตรี ดร.เจียรนัย วงศ์สอาด ประธานกรรมการการเคหะแห่งชาติ ดร.จเรรัฐ ปิงคลาศัย กรรมการการเคหะแห่งชาติ ร่วมแสดงความยินดี พร้อมด้วย นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ และนายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ร่วมลงนาม นายวิทยา พันธุ์มงคล รองผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย นางฐิตาภรณ์ ลาภเกียรติเสรี ผู้ช่วยผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานใหญ่ การเคหะแห่งชาติ เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ
นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญต่อการเสริมสร้างความเสมอภาค ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาสการเข้าถึงสวัสดิการสังคมและที่อยู่อาศัย และนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้มอบหมายให้การเคหะแห่งชาติ เร่งดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง และกลุ่มเปราะบางเพื่อสร้างโอกาสในการมีที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐานในราคาที่สามารถรับภาระได้ เพื่อสนับสนุนนโยบายของภาครัฐให้เป็นไปตามแผนแม่บท การพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560-2579) ภายใต้วิสัยทัศน์ “คนไทยทุกคน มีที่อยู่อาศัยถ้วนทั่วและมีคุณภาพชีวิตที่ดีในปี 2579 (Housing For All)”
การดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่จำเป็นต้องใช้ที่ดินจำนวนมาก การเคหะแห่งชาติมีที่ดินไม่เพียงพอต่อการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย จึงบูรณาการความร่วมมือในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่อยู่อาศัยบนที่ดินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับกิจการรถไฟฟ้าและธุรกิจอื่นๆ เพื่อประโยชน์แก่ รฟม. และประชาชนในการใช้บริการกิจการรถไฟฟ้า รวมถึงตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายตามนโยบายรัฐบาล พนักงานและอตีตพนักงาน รฟม. ให้สามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยและเข้าถึงการใช้บริการอย่างเท่าเทียม อันเป็นการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลร่วมกัน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างมั่นคงและยั่งยืน
“ขอขอบคุณ รฟม. ที่ร่วมมือกันบูรณาการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยกับการเคหะแห่งชาติ เพราะเป็นโอกาสอันดีที่ประชาชนจะสามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยในทำเลดีและในระดับราคาที่สามารถรับภาระได้ตลอดจนได้รับประโยชน์สูงสุด ทั้งในแง่ของการดำเนินชีวิตประจำวันต่อการเข้าถึงระบบขนส่งที่ทำให้การเดินทางสะดวกยิ่งขึ้น การลดระยะเวลา และลดต้นทุนในการเดินทาง ถือเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตการอยู่อาศัยของประชาชนให้มีมั่นคงและยั่งยืนต่อไป” นายทวีพงษ์ กล่าว