MGR Online - บริษัทคู่สัญญาเคหะ ยื่นเรื่อง ดีเอสไอ กล่าวโทษคณะกรรมการเคหะแห่งชาติ บังคับร่วมทุนผิดสัญญาโครงการบ้านเอื้ออาทร สมุทรปราการ จนเกิดความเสียหาย
วันนี้ (20 ม.ค.) เวลา 10.30 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายประสิทธิ์ เด่นนภาลัย กรรมการ บริษัท เพียงประกายก่อสร้าง จำกัด พร้อม นายกัมพล สุขคีรินทร์ ทนายความ เดินทางยื่นหนังสือต่อ นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษคณะกรรมการบริหารการเคหะแห่งชาติ และการเคหะแห่งชาติ ที่กระทำการทุจริตและแสวงหาผลประโยชน์ ในโครงการบ้านเอื้ออาทร จังหวัดสมุทรปราการ (เทพารักษ์ 4) กรณีการเคหะแห่งชาติบังคับรับเงินจากคู่สัญญาร่วมทุน มูลค่ากว่า 2,448 ล้านบาท โดยมี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองบริหารคดีพิเศษ เป็นผู้รับเรื่อง
นายกัมพล เผยว่า บริษัทเป็นคู่สัญญาร่วมกับการเคหะแห่งชาติ ดำเนินกิจการโครงการบ้านเอื้ออาทรดังกล่าว โดยบริษัทได้จัดหาที่ดิน เงินทุนและดำเนินโครงการ และก่อสร้างอาคารที่อยู่อาศัย จำนวน 5,830 หน่วย แต่ระหว่างก่อสร้างการเคหะแห่งชาติ ได้บังคับให้ซื้อที่ดินอีกแปลงที่ไม่มีทางออกและเป็นทางลอดใต้แนวเสาไฟฟ้าแรงสูง ซึ่งอยู่ติดกับโครงการ รวมทั้ง มีการลดจำนวนหน่วยลง บังคับแก้ผัง แบบแปลน เพื่อการแสวงหาผลประโยชน์ของการเคหะฯ และนำชื่อกลุ่มบุคคลที่สามเข้ามาร่วมในสัญญาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จนเกิดความเสียหายแก่บริษัท
นายกัมพล เผยอีกว่า บริษัทได้ยื่นหลักฐานฟ้องศาลแพ่งกับการเคหะแห่งชาติ และกลุ่มบุคคลที่สามว่าเกิดการทุจริต ซึ่งศาลแพ่ง มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่า กลุ่มบุคคลที่สามเข้ามาแสวงหาประโยชน์จากบริษัทและให้นำชื่อออกจากคู่สัญญา จนเกิดเป็นข้อพิพาทระหว่างบริษัทและการเคหะแห่งชาติอย่างต่อเนื่องโครงการไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ นับแต่ปี 2552 ซึ่งก่อสร้างแล้วกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ แต่ต้องปล่อยร้าง และขณะนี้อยู่ระหว่างบริษัทกำลังดำเนินการฟ้องคดีเรียกคืนที่ดินจำนวน 125 ไร่ ตามสัญญาฯ คืนจากการเคหะแห่งชาติ ซึ่งบริษัทยังคงครอบครองพื้นที่โครงการดังกล่าว แต่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ใดๆ ได้เลย
ด้าน นายประสิทธิ์ เผยสั้นๆ ว่า หลังบริษัทร่วมลงทุนกับการเคหะแห่งชาติและดำเนินการก่อสร้างมาช่วงหนึ่งแต่รู้สึกว่าเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมาร้องทุกข์ดีเอสไอในวันนี้
ส่วนทาง พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องไว้ตรวจสอบเพราะเกี่ยวข้องกับภาครัฐร่วมทุนกับเอกชน จนเกิดความเสียหายจำนวนมาก ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป