xs
xsm
sm
md
lg

"ทรีนีตี้" แนะลงทุนทองคำ 5% สู้เงินเฟ้อ "SAVVYGOLD" แอปพลิเคชันออมทองสุดฮอต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คนไทยยังนิยมลงทุนทองคำ แอปพลิเคชันออมทอง "SAVVYGOLD" ฮอต!! ยอดดาวน์โหลดพุ่ง เน้นซื้อทอง ทุกเดือนเฉลี่ยต้นทุนแบบ DCA เดินหน้าลุยโซเชียลมีเดีย ชวนคนออมทองเพิ่ม ตั้งเป้าเจาะพนักงาน ออฟฟิศ-มนุษย์เงินเดือน ขณะที่ "ทรีนีตี้" แนะปีนี้กระจายพอร์ตลงทุนทอง 5% สู้เงินเฟ้อสูง รักษาผลตอบแทน ด้าน "คลาสสิก โกลด์" ชี้ดอกเบี้ย-เงินเฟ้อสหรัฐฯ เป็นตัวกำหนดทิศทางราคาทองคำ

นายสัตวแพทย์ธนัฐ ศิริวรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดิจิทัล แอสเซ็ท แมเนจเมนต์ จำกัด หรือ DAM เปิดเผยว่า หลังเปิดตัวแอปพลิเคชัน "SAVVY" แพลตฟอร์มในการบริหารความมั่งคั่งของลูกค้าส่วนบุคคลในหลายๆ ผลิตภัณฑ์ผ่านออนไลน์ โดยมีผลิตภัณฑ์การลงทุนตัวแรก คือ ทองคำ (SAVVYGOLD) ซึ่งได้เปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อเดือน พ.ย.ปี 2564 ที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี มีผู้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันไปแล้วมากกว่า 1,000 ราย โดยยังคงมีความต้องการออมทองคำผ่านแอปพลิเคชัน SAVVYGOLD เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จากข้อมูลยังพบว่านักลงทุนที่เข้ามาออมทองผ่าน SAVVYGOLD ส่วนใหญ่มีความต้องการลงทุนแบบ DCA หรือการซื้อทองคำแบบเฉลี่ยราคา โดยซื้อสม่ำเสมอทุกเดือนตั้งแต่เดือนแรกที่เปิดบริการ บางคนซื้อทองเฉลี่ยเดือนละ 2 ครั้ง รวมทั้งยังมีนักลงทุนที่ซื้อแบบรายครั้ง คือเมื่อต้องการออมทองจะเข้ามาทำรายการซื้อ ถือว่าได้การตอบรับที่ดีมากๆ สำหรับการเริ่มต้นเปิดตัวเพียงแค่ 3 เดือน ทั้งที่ยังไม่ได้มีการโปรโมต หรือทำการตลาดแต่อย่างใด

โดยแผนธุรกิจหลังจากนี้ เราจะเดินหน้าทำการตลาด โดยชักชวนผู้ลงทุนและประชาชนให้มาใช้บริการออมทอง SAVVYGOLD ผ่านช่องทาง Social Media ต่างๆ รวมถึงหาพันธมิตรที่เป็น Fintech ให้เข้ามาร่วมใช้แพลตฟอร์มออมทอง SAVVYGOLD โดยมีเป้าหมายที่มนุษย์เงินเดือน พนักงานบริษัทต่างๆ และที่สำคัญจากการที่บริษัท ฮิวแมนิกา จำกัด (มหาชน) (HUMAN) ผู้ให้บริการ Platform ระบบบริหารงานทรัพยากรบุคคลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เข้ามาถือหุ้นใน DAM ซึ่งปัจจุบันมีพนักงานที่อยู่ใน Platform ของระบบบริหารจัดการของ ฮิวแมนิกาฯ จำนวนมากถึง 2-3 ล้านคน ทำให้เราเห็นถึงโอกาสในการร่วมมือและต่อยอดธุรกิจ โดยนำเสนอ SAVVYGOLD ให้พนักงานในบริษัทต่างๆ เหล่านี้ได้ใช้บริการออมทองกับ SAVVYGOLD

นอกจากนี้ ยังมีแผนจะพัฒนา SAVVYGOLD ให้ใช้งานได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้ใช้บริการมีประสบการณ์ที่ดี และเกิดการบอกต่อชักชวนกันให้มาใช้บริการออมทองกับ SAVVYGOLD มากยิ่งขึ้น รวมทั้งจะพัฒนา Feature อื่นๆ เพิ่มเติมที่ตอบสนองกับไลฟ์สไตล์การลงทุนของผู้คนในยุควิถีใหม่ (New Normal)

"เราต้องการให้คนไทยมีเงินออมมากขึ้นผ่านการออมทองคำ เพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ที่เข้าใจและเข้าถึงได้ง่าย ยิ่งได้ SAVVYGOLD มาช่วยจะทำให้การออมทองทำได้สะดวกมากขึ้น ไม่ต้องเดินทางไปซื้อทองที่ร้าน ที่สำคัญเริ่มต้นออมทองได้เพียงมีเงินแค่ 50 บาทเท่านั้น ทำให้เห็นว่าแม้มีเงินน้อยก็สามารถค่อยๆ สะสมความมั่งคั่งในระยะยาวได้ จะขายคืนก็สะดวก เพราะทำผ่าน Application ได้เลย โดยนักลงทุนจะไปรับทองคำที่ร้านขายทองที่สาขาใกล้บ้าน หรือจะให้จัดส่งทองคำถึงบ้านก็ทำได้ โดยมีการประกันการจัดส่ง เพื่อการันตีว่าทองคำจะไปส่งถึงบ้านของลูกค้าจริงๆ"

ทั้งนี้ แอปพลิเคชัน SAVVYGOLD เกิดขึ้นจากความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างบริษัท ดิจิทัล แอสเซ็ท แมเนจเมนต์ จำกัด หรือ DAM บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน คลาสสิก ออสสิริส ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนทองคำแท่ง ทองคำรูปพรรณ และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (โกลด์ฟิวเจอร์ส) มาอย่างยาวนาน เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าหรือนักลงทุนรายย่อยให้สามารถเข้าถึงการลงทุนในทองคำได้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ใช้งานง่าย พร้อมมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงอย่างเทคโนโลยี Blockchain โดยการใช้บริการ SAVVYGOLD สามารถทำผ่านระบบออนไลน์ทุกขั้นตอน ตั้งแต่เปิดบัญชีเพื่อการลงทุน และภายหลังยืนยันตัวตนแล้วสามารถเริ่มลงทุนได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน สามารถออมทองได้ เริ่มต้นด้วยเงินเพียง 50 บาท โดยทองคำที่นักลงทุนมีคำสั่งซื้อจะถูกจัดเก็บในตู้นิรภัย ภายใต้การดูแลของ BRINKS ผู้เก็บรักษาทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ด้าน น.ส.ณัฐฑี จุฑาวรากุล กรรมการและผู้บริหาร บริษัท คลาสสิก โกลด์ จำกัด กล่าวว่า การลงทุนทองคำช่วยป้องกันผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อ รวมถึงมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในภาวะเศรษฐกิจหดตัว นับว่าทองคำเป็นตัวช่วยป้องกันความเสี่ยงชั้นเลิศ และสามารถเก็งไรในการลงทุนระยะสั้นได้อีกด้วย โดยสถานการณ์ราคาทองคำในปัจจุบันมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในระยะสั้น โดยมีสาเหตุมาจากแรงขายในสินทรัพย์เสี่ยงที่มีมากขึ้นและเปลี่ยนมาถือสินทรัพย์ปลอดภัย ส่วนแนวโน้มราคาทองคำในระยะยาวจะต้องเฝ้าดูการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ การแข็งค่าของเงินดอลลาร์และขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ รวมถึงอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐฯ

นายบุญเลิศ สิริภัทรวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออสสิริส จำกัด กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันการลงทุนหรือการเก็บสะสมทองคำสามารถทำได้ในหลายรูปแบบ โดยรูปแบบที่เริ่มได้รับความนิยมในต่างประเทศ คือ การซื้อเก็บสะสมในรูปแบบ digital gold หมายถึงการที่ลูกค้าสามารถซื้อขายทองคำแท่ง ทำธุรกรรมแบบออนไลน์และมีทองคำที่ลูกค้าเป็นเจ้าของเก็บในตู้นิรภัยซึ่งดูแลโดยบุคคลที่สาม โดยลูกค้าสามารถเลือกที่จะขอให้จัดส่งทองคำไปของลูกค้าไปที่บ้านในภายหลังหรือเลือกที่จะรับเป็นทองรูปพรรณหรือทองคำแท่งจากร้านทองพันธมิตรใกล้บ้านของลูกค้าในอนาคตอันใกล้นี้ นอกจากนี้ การลงทุนในรูปแบบ digital gold ยังมีข้อได้เปรียบทั้งในเรื่องของความปลอดภัย ต้นทุนการเก็บรักษาและมีประภัยสำหรับการสูญหาย เมื่อลูกค้าต้องการขายเปลี่ยนเป็นเงินสด ยังสามารถทำได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ลูกค้าสามารถซื้อทองคำในจำนวนเงินเพียงเล็กน้อยและเก็บสะสมจนถึงปริมาณทองคำที่ต้องการ

ขณะที่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด แนะนำลงทุนควรมีทองคำอยู่ในพอร์ตการลงทุนด้วย จะทำให้มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่ดี และช่วยกระจายความเสี่ยงได้ เพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีทิศทางการเคลื่อนไหวไปคนละทางกับสินทรัพย์หลักๆ เช่น หุ้น ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ และ Crypto Currency หรือสินทรัพย์อื่นๆ นอกจากนี้ ราคาทองคำในระยะยาวยังสามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้ รวมถึงในยามที่เกิดวิกฤตทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่วางใจได้มากกว่าสินทรัพย์อื่นๆ อีกด้วย

ทั้งนี้ ในสถานการณ์ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจจากผลกระทบการระบาดโควิด-19 การเร่งตัวของเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นทั่วโลก การกระจายสินทรัพย์เพื่อลงทุน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารสินทรัพย์ เพื่อคงการรักษาผลตอบแทน จะเป็นหัวใจที่สำคัญที่สุดสำหรับกลยุทธ์การลงทุนในปีนี้ โดยบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด แนะนำให้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในทองคำเป็น 5% เพื่อกระจายความเสี่ยง

อนึ่ง ปลายปี 2564 บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ได้เข้าไปร่วมลงทุนใน DAM มูลค่าเงินลงทุน 5 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้น 18.03% ถือเป็นกลยุทธ์ทำธุรกิจของบริษัทฯ ที่มีนโยบายส่งมอบผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่เหมาะสมให้ลูกค้า ด้วยการแนะนำ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และการลงทุนใหม่ๆ เพื่อให้ลูกค้ามีการกระจายสัดส่วนการลงทุนให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในแต่ละช่วงสถานการณ์


กำลังโหลดความคิดเห็น