xs
xsm
sm
md
lg

B เล็งดัน "เทพฤทธา" เข้าตลาดระดมทุนขยายกิจการ รับดีมานด์น้ำดิบพุ่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



 
ดร.ปัญญา บุญญาภิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท บี จิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ B เปิดเผยว่า การที่บริษัทให้ความสำคัญกับการลงทุนในธุรกิจกลุ่มสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานทั้งกลุ่มพลังงานทดแทน และธุรกิจผลิตน้ำดิบ เนื่องจากมองว่าเป็นธุรกิจที่ตอบโจทย์การเติบโตที่ยั่งยืน และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผู้ถือหุ้นได้ โดยในส่วนของบริษัท เทพฤทธา จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจจำหน่ายน้ำดิบและเป็นบริษัทร่วมทุนที่ B ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 51% กำลังศึกษาแผนที่จะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และขณะนี้อยู่ระหว่างการคัดเลือกที่บริษัทปรึกษาทางการเงิน คาดว่าได้ข้อสรุปภายในเดือนนี้ โดยตั้งเป้าหมายว่าจะนำหุ้นบริษัท เทพฤทธา เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ได้ภายใน 2 ปี

ดร.ปัญญา กล่าวต่อว่า สาเหตุที่บริษัทต้องเร่งศึกษาแผนการนำหุ้นบริษัทเทพฤทธา เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากธุรกิจจำหน่ายน้ำดิบมีแนวโน้มเติบโตสูงจากความต้องการใช้น้ำของภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม ทำให้บริษัทต้องเตรียมแหล่งเงินทุนรองรับการขยายกิจการในอนาคต ทั้งเรื่องการลงทุนซื้อบ่อใหม่เพื่อขยายปริมาณการส่งน้ำดิบให้ลูกค้า เตรียมลงทุนวางระบบท่อเพื่อส่งน้ำดิบไปยังผู้ผลิตน้ำโดยตรง ซึ่งบริษัทมีเป้าหมายที่จะซื้อบ่อใหม่เพิ่มในพื้นที่ภาคตะวันออก เพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ หรือ EEC

สำหรับแผนขยายการลงทุนของบริษัทเทพฤทธา ในปี 2565 บริษัทมีแผนลงทุนซื้อบ่อใหม่เพื่อขยายปริมาณการส่งน้ำดิบให้ลูกค้า ในสัญญาฉบับใหม่ ปริมาณขั้นต่ำ 1.5 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี และเป็นบ่อสำรองให้บริษัทเพื่อกักเก็บน้ำเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามในส่วนของ B นั้น ได้เริ่มทยอยรับรู้รายได้จากธุรกิจผลิตน้ำดิบมาตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2564

“เทพฤทธา ถือเป็นบริษัทร่วมทุนของ B ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว จำเป็นต้องเตรียมความพร้อมเรื่องของแหล่งเงินทุน และการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์จะทำให้บริษัทมีความคล่องตัวในการบริหารด้านการเงิน สามารถออกตราสารทางการเงินประเภทต่างๆ ได้ ทั้งตราสารหนี้ ตราสารทุน และตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ช่วยให้บริษัทสามารถจัดโครงสร้างทางการเงินที่เหมาะสมต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทได้” ดร.ปัญญา กล่าว

นอกจากนี้ จะช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือ และภาพลักษณ์ที่ดีในการบริหารงานและมาตรฐานการดำเนินงานของบริษัทมากขึ้น ผ่านกลไกการเปิดเผยข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งนอกจากจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้สนใจลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัทมากขึ้นแล้ว ยังช่วยสร้างความน่าชื่อถือแก่ลูกค้า คู่ค้า และสถาบันการเงิน นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มโอกาสทางการค้า การเข้าถึงพันธมิตร และการต่อยอดธุรกิจในอนาคต

ส่วนภาพรวมการลงทุนในกลุ่มสาธารณูปโภค นอกเหนือจากที่บริษัทเข้าไปร่วมทุนในธุรกิจจำหน่ายน้ำดิบ โดยเข้าไปถือหุ้น 51% ในบริษัท เทพฤทธา จำกัด ปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากธุรกิจพลังงานทดแทนในเชิงพาณิชย์ (COD) ไปแล้ว 2 โครงการคือ โครงการโซลาร์ฟาร์ม SSG สยาม โซลาร์ ภายใต้บริษัทร่วม เดอะ เมกะวัตต์ จำกัด ที่อยู่ในชัยภูมิ กำลังการผลิต 27 เมกะวัตต์ โดยได้ COD ไปแล้วตั้งแต่ปี 56 และโครงการโซลาร์ฟาร์ม ในประเทศเวียดนาม ที่บริษัทเข้าไปร่วมลงทุน กำลังการผลิต 29 เมกะวัตต์ ซึ่งได้ COD ไปแล้วเมื่อปี 63 ที่ผ่านมา โดยที่ทั้ง 2 โครงการถือว่าเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้เสริมเข้ามาให้บริษัทได้อย่างต่อเนื่อง 


กำลังโหลดความคิดเห็น