"ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น" ปลื้ม!ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรระดับ "BBB" พร้อมเพิ่มมุมมองแนวโน้มเป็น Positive จาก Stable ตอกย้ำฐานะการเงินแข็งแกร่ง กระแสเงินสดเพิ่มขึ้นจากการบริหารโครงการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่และความสำเร็จในการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ในต่างประเทศ ประเมินปี 2567 มี EBITDA แตะ 1.15 หมื่นล้านบาท
นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER เปิดเผยว่า บริษัททริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดอันดับเครดิตองค์กรของ SUPER เป็นระดับ "BBB" และปรับเพิ่มแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น “Positive” หรือ “บวก” จาก “Stable” เพื่อสะท้อนถึงแนวโน้มจากการที่บริษัทฯ ประสบความสำเร็จจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งความสามารถในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าจำนวนมากขึ้นจากโครงการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ๆ ได้เป็นอย่างดี และมีความหลากหลาย
ทั้งนี้ SUPER มีสินทรัพย์ที่เป็นโครงการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่และหลากหลาย ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าที่ดําเนินการแล้วจํานวนมากกว่า 100 แห่ง โดยมีกําลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 1,468 เมกะวัตต์ ซึ่งมีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เป็นโรงไฟฟ้าประเภทหลัก กำลังการผลิต 1,400 เมกะวัตต์รวมทั้งบริษัทฯ ยังวางแผนในการเพิ่มกําลังการผลิตอีกจํานวน 116 เมกะวัตต์ จากโครงการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ๆ ในประเทศไทย ได้แก่ โรงไฟฟ้าจากพลังงานขยะ พลังงานผสม และพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับภาคเอกชนอีกด้วย ส่งผลให้กําลังการผลิตรวมตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2567
ทั้งนี้ คาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานอยู่ในทิศทางที่ดี และเติบโตต่อเนื่อง โดยรายได้จากการดำเนินงานรวมของบริษัทน่าจะเพิ่มขึ้น 9.6 พันล้านบาทในปี 2565 และเพิ่มขึ้นเป็น 1.47 หมื่นล้านบาทในปี 2567 จากความสำเร็จในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนจำนวนมาก และมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จะอยู่ระหว่าง 7.9-9.5 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2565-2566 และเพิ่มขึ้นเป็น 1.15 หมื่นล้านบาทในปี 2567 ส่วนเงินทุนจากการดําเนินงานคาดว่าจะอยู่ระหว่าง 5.6-6.9 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2565-2566 และเพิ่มขึ้นเป็น 8.5 พันล้านบาทในปี 2567
ขณะที่ SUPER มีแหล่งเงินทุนที่เพียงพอต่อการผลักดันการเติบโตให้คงอยู่ในระดับแข็งแกร่งต่อไปโดยเฉพาะการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ฐานะการเงินได้เป็นอย่างดี และขยายความสามารถในการลงทุนในอนาคตได้ โดยโรงไฟฟ้าในปัจจุบันที่ดําเนินการแล้วของบริษัทซึ่งมีกําลังการผลิตขนาดใหญ่นั้นช่วยให้บริษัทสามารถจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติ่ม เพื่อใช้เป็นทางเลือกในการระดมทุนสําหรับการขยายธุรกิจได้ต่อไป
นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งประเมินว่า SUPER มีจุดแข็งคือ ผลงานเป็นที่ยอมรับในการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าพลังงานจำนวนหลายแห่ง อีกทั้งยังสามารถควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของบริษัททรงตัวอยู่ในระดับสูงในช่วง 80% ตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ทริสฯ เชื่อว่าโรงไฟฟ้าของบริษัทในภาพรวมจะยังคงมีผลการดําเนินงานที่ดีในระยะ 3 ปีข้างหน้า อัตรากําไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจําหน่ายต่อรายได้ของบริษัทน่าจะยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงระหว่าง 80-85% จากการประหยัดจากขนาดที่เพิ่มสูงขึ้น
"การที่ทริสฯ ปรับเพิ่มมุมมองเป็น Positive จะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะในมุมมองของนักลงทุน และที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เริ่มเดินเครื่องจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนาม ภายใต้บริษัทย่อยของบริษัท ซุปเปอร์ วินด์ เอนเนอร์ยี จำกัด จำนวน 1 โครงการ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลมบนบก (Onshore) ที่ประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 50 เมกะวัตต์ และยังเตรียม COD อีก 1 โครงการ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล (Offshore) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 30 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ ยังมีเป้าจะขยายพอร์ตโรงไฟฟ้าพลังงานขยะเพิ่มขึ้นอีกด้วย" นายจอมทรัพย์ กล่าว
สำหรับ SUPER ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังการผลิตรวมให้ไปแตะระดับ 1,900-2,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2565 และมีรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด รวมทั้งการมีแหล่งรายได้ระยะยาว ผลักดันธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืน ซึ่งจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้น ตลอดจนยังแสวงหาการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่มีศักยภาพการเติบโตต่อยอดธุรกิจในปัจจุบัน