"พลาสติค และหีบห่อไทย" เข้าซื้อ M/s Skypet Polymers มูลค่า 484.1 ล้านบาท ด้วยเงินทุนของTPAC India จำนวน 376 ล้านรูปีอินเดีย หรือ 176.72 ล้านบาท และส่วนที่เหลือผู้ซื้อจะใช้เงินกู้จากธนาคารในอินเดีย โดย TPAC จะเข้าค้ำประกันเงินกู้ หวังรับผลประโยชน์และเข้าถึงลูกค้าของบริษัทฯ ได้ดียิ่งขึ้น เป็นการขยายกิจการบรรจุภัณฑ์พลาสติกแข็งของบริษัทฯ ให้ครอบคลุมอินเดีย
นายเควิน คูมาร์ ชาร์มา ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พลาสติค และหีบห่อไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TPAC แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 8/2564เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2564 ว่า ได้มีมติอนุมัติการเข้าซื้อธุรกิจโดย TPAC Packaging India II Private Limited1 (บริษัทที่จัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายของประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นทั้งหมดโดย TPAC Packaging India Private Limited (TPAC India ) ทั้งนี้ TPAC India เป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นทั้งหมด ของ M/s Skypet Polymers
ทั้งนี้ ผู้ซื้อจะเข้าซื้อธุรกิจ M/s Skypet Polymers ซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนที่จัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายของประเทศอินเดีย โดยประกอบธุรกิจการผลิต ดำเนินการ และค้า การขึ้นรูปพลาสติก ขวดพลาสติก และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยการเข้าซื้อธุรกิจดังกล่าวจะรวมถึงการเข้าซื้อทรัพย์สิน หนี้สิน เอกสาร และบันทึกต่างๆ สิทธิเอกสารแสดงสิทธิ รวมถึงผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้อง (รวมเรียกว่า “ธุรกรรมการเข้าซื้อธุรกิจ”) โดยค่าตอบแทนทั้งหมดในการเข้าทำธุรกรรมจะมีจำนวนไม่เกิน 1,030 ล้านรูปีอินเดีย หรือประมาณ 484.1 ล้านบาท
ขณะที่ออกและจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 9,400,000 หุ้น หรือเท่ากับร้อยละ 20 ของจำนวนหุ้นชำระแล้วทั้งหมดของผู้ซื้อภายหลังเพิ่มทุน ซึ่งมีมูลค่าหุ้นละ 10 รูปีอินเดีย หรือประมาณ 4.70 บาท ให้แก่ Mr.S.Selvaraj (หุ้นส่วนรายหนึ่งของผู้ขายซึ่งมีผลประโยชน์ในการเป็นหุ้นส่วน อันได้แก่ ความเป็นเจ้าของและการแบ่งกำไรขาดทุน (Partnership Interest)) (ความเป็นหุ้นส่วน) ของผู้ขายในสัดส่วนร้อยละ 20 ของผลประโยชน์ในการเป็นหุ้นส่วนทั้งหมดของผู้ขาย) ในราคาจองซื้อหุ้นรวมไม่เกิน 94 ล้านรูปีอินเดีย หรือเท่ากับ 44.18 ล้านบาท
นอกจากนี้ คณะกรรมการได้มีมติอนุมัติการเข้าทำสัญญา ดังนี้ (1) สัญญาซื้อขายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมการเข้าซื้อธุรกิจกับผู้ขาย (สัญญาซื้อ ขายธุรกิจ) และ (2) สัญญาจองซื้อหุ้นและระหว่างผู้ถือหุ้นที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมการออก หุ้นกับผู้ลงทุน (สัญญาจองซื้อ หุ้นและระหว่างผู้ถือหุ้น) ซึ่งเป็นสัญญาอื่นที่เกิดจากการเข้าทำธุรกรรมการเข้าซื้อธุรกิจ แต่ไม่เกี่ยวข้องกับการเข้าทำธุรกรรมการเข้าซื้อธุรกิจและเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรม และการมอบหมายให้ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท หรือบุคคลที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทมอบหมายมีอำนาจในการดำเนินการต่างๆ ที่จำเป็นและเกี่ยวข้องกับธุรกรรม ซึ่งรวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียงการดำเนินการดังต่อไปนี้ (ก) การเจรจาข้อกำหนดและเงื่อนไขของสัญญาซื้อขายธุรกิจและสัญญาจองซื้อหุ้นและระหว่างผู้ถือหุ้น (ข) การกำหนดและ/หรือแก้ไขรายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับธุรกรรม (ค) การลงนามในสัญญาและเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรม ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงสัญญาซื้อขายธุรกิจและสัญญาจองซื้อหุ้นและระหว่างผู้ถือหุ้น (ง) การลงนามในเอกสารคำขอต่างๆ รวมทั้งเอกสารและหลักฐานอื่นใดที่จำเป็นและเกี่ยวข้องกับธุรกรรม ซึ่งรวมถึงการติดต่อและการยื่นคำขอ เอกสารและหลักฐานดังกล่าวต่อหน่วยงานราชการ และ/หรือหน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแลใดๆ และ (จ) การดำเนินการอื่นใดที่จำเป็นและเกี่ยวข้องกับธุรกรรมจนเสร็จการ
ทั้งนี้ ธุรกรรมดังกล่าวไม่เข้าข่ายเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกันตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ.21/2551 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการเข้าทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน และประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในรายการที่เกี่ยวโยงกัน พ.ศ.2546 (รวมทั้ง ที่แก้ไขเพิ่มเติม)
ขณะการจัดตั้งบริษัทผู้ซื้อเพื่อเข้าทำธุรกรรมการเข้าซื้อธุรกิจที่ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 7/2564 เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2564 ซึ่งมีขนาดรายการที่คำนวณตามเกณ์มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทนเท่ากับร้อยละ 0.32 ดังนั้น ภายหลังจากรวมขนาดรายการเข้ากับรายการได้มาของบริษัทฯ ในระยะเวลา 6 เดือน ขนาดรายการสูงสุดจะเป็นเกณฑ์มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NTA) มีขนาดรายการเท่ากับร้อยละ 20.97
สำหรับการซื้อหุ้นดังกล่าวจะทำให้บริษัทฯ ได้รับผลประโยชน์และสามารถเข้าถึงลูกค้าของบริษัทฯ ได้ดียิ่งขึ้น เป็นการขยายกิจการบรรจุภัณฑ์พลาสติกแข็งของบริษัทฯ ในประเทศอินเดีย อันจะทำให้บรรลุเป้าหมายในการขยายธุรกิจไปในภูมิภาคอินเดียตอนใต้ โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีธุรกิจที่ครอบคลุมเพียงในภาคตะวันตกและภาคเหนือของอินเดีย ทำให้บริษัทฯ มีความหลากหลายเพิ่มขึ้นในธุรกิจโดยการเข้าไปในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำ รวมทั้งทำให้บริษัทฯ สามารถเข้าไปในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุรา
โดยจะใช้เงินทุนจากการเข้าถือหุ้นในผู้ซื้อของ TPAC India จำนวน 376 ล้านรูปีอินเดีย หรือ 176.72 ล้านบาท และส่วนที่เหลือ ผู้ซื้อจะใช้เงินกู้จากธนาคารในประเทศอินเดีย โดยบริษัทฯ จะเข้าค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าว
ทั้งนี้ ตามร่างข้อตกลงเบื้องต้นสำหรับการกู้ยืมเงิน ไม่มีข้อกำหนดหรือเงื่อนไขใดที่จะกระทบต่อสิทธิของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากข้อกำหนดและเงื่อนไขในการกู้ยืมเงินดังกล่าวยังไม่เสร็จสมบูรณ์และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ดังนั้น หากมีข้อกำหนดหรือเงื่อนไขใดที่จะกระทบต่อสิทธิของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ
บริษัทฯ จะแจ้งเรื่องดังกล่าวต่อผู้ถือหุ้นและตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป