xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยปิด +9.08 จุด คลายกังวลโอมิครอน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



SET INDEX ปิดตลาด +9.08 จุด (+0.56%) โบรกฯ ชี้หุ้นไทยปรับตัวขึ้นตามตลาดต่างประเทศ เหตุผลวิเคราะห์ไวรัสโควิด-19 ตัวกลายพันธุ์ "โอมิครอน" แม้ว่าจะติดต่อกันง่าย แต่เทียบความรุนแรงยังน้อยกว่าสายพันธุ์เดลตา มองดัชนีพรุ่งนี้ประเมินแนวรับ 1,610-1,600 จุด ส่วนแนวต้าน 1,620-1,625 จุด

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 8 ธันวาคม 2564 ปิดตลาดที่ 1,618.36 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น +9.08 จุด หรือ +0.56% โดยมีมูลค่าการซื้อขายสุทธิกว่า 69,263.88 ล้านบาท ซึ่งในระหว่างวันดัชนีแกว่งตัวเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,621.21 จุด และลดระระดับลงต่ำสุดที่ 1,610.30 จุด

ขณะที่ส่วนหลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น จำนวน 867 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 599 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 717 หลักทรัพย์

ขณะที่ปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า 2,411.68 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิกว่า -1,454.04ล้านบาท ส่วนนักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -525.10 ล้านบาท และบัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -432.54 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,814.54 ล้านบาท ปิดที่ 137.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
2.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,120.73 ล้านบาท ปิดที่ 59.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
3.ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,693.52 ล้านบาท ปิดที่ 220.00 บาท เพิ่มขึ้น 9.00 บาท
4.AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,609.00 ล้านบาท ปิดที่ 62.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
5.EA มูลค่าการซื้อขาย 1,523.19 ล้านบาท ปิดที่ 83.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.DELTA ปิดที่ 430.00 บาท เพิ่มขึ้น 10.00 บาท หรือ 2.38%
2.ADVANC ปิดที่ 220.00 บาท เพิ่มขึ้น 9.00 บาท หรือ 4.27%
3.BBL ปิดที่ 119.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 1.70%
4.EA ปิดที่ 83.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท หรือ 2.13%
5.MTC ปิดที่ 58.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท หรือ 3.11%

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.SCC ปิดที่ 377.00 บาท ลดลง 3.00 บาท หรือ 0.79%
2.SYNEX ปิดที่ 31.25 บาท ลดลง 1.75 บาท หรือ 5.30%
3.MEGA ปิดที่ 51.75 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ 1.43%
4.CENTEL ปิดที่ 33.75 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 1.46%
5.CPALL ปิดที่ 59.00 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 0.84%

ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,206.08 จุด เพิ่มขึ้น 14.59 จุด หรือ 0.67% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 964.44 จุด เพิ่มขึ้น 6.48 จุด หรือ 0.68% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 564.99 จุด เพิ่มขึ้น 0.18 จุด หรือ 0.03%

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียต่างเคลื่อนไหวในแดนบวก เช่นเดียวกับตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ปรับตัวขึ้นเช่นกัน จากคลายกังวลเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอน หลังจากที่อาการไม่มีความรุนแรง แม้วัคซีนต้านโควิดที่มีอยู่จะใช้กันไม่ได้เต็มประสิทธิภาพก็ตาม ทำให้ตลาดฟื้นตัวเคลื่อนไหวในแนวบวกขึ้นมาได้ นำโดยหุ้นขนาดใหญ่ที่รีบาวนด์นำตลาดขึ้นมา

นอกจากนี้ หุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์มีความโดดเด่นขึ้นมากหลังราคายัง Laggard ส่วนหนึ่งมาจากเรื่องที่ทาง สคบ. จะรับฟังความคิดเห็นในวันที่ 3-17 ธ.ค.2564 ที่เป็นร่างประกาศคุมสัญญาเช่าซื้อรอบที่ 2 ซึ่งผ่อนคลายมากขึ้นกว่าร่างรอบแรก

ในส่วนของปัจจัยต่างประเทศที่ยังต้องติดตาม โดยเฉพาะตัวเลขเงินเฟ้อของจีนจะออกมาในวันพรุ่งนี้ และตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่จะประกาศออกมาในวันที่ 10 ธ.ค. ส่วนสัปดาห์หน้าให้ติดตามการประชุมหลายธนาคารกลางสำคัญ โดยเฉพาะการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)

ขณะที่แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (9 ธ.ค.) นายวีระวัฒน์ กล่าวว่า ตลาดคงจะมีวอลุ่มเทรดบางลงก่อนที่จะหยุดยาว แต่อาจมีเล่นเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็กได้ พร้อมให้แนวรับ 1,610-1,600 จุด ส่วนแนวต้าน 1,620-1,625 จุด


กำลังโหลดความคิดเห็น