หุ้นไทยปิดตลาดลดลง -21 จุด รับมือความตึงเครียดโควิดโอไมครอน โบรก ฯ ชี้สถานการณ์ทั่วโลกวิตกอาจรุนแรงขึ้นจนถึงขั้นกลับไปล็อกดาวน์อีกหรือไม่ ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงเป็นลบ แนะจับตาการพัฒนาวัคซีนสู้เชื้อกลายพันธุ์ มองภาพการลงทุนพรุ่งนี้ที่แนวรับ 1,560-1,550 จุด ส่วนแนวต้าน 1,585-1,590 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 ปรับตัวลดลงกว่า -21.00 จุด หรือ -1.32% มาอยู่ที่ 1,568.69 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายมากกว่า 159,490.87 ล้านบาท ขณะที่ในระหว่างวันช่วงเช้าหลังเปิดตลาดหุ้นไทยอยู่ในแดนบวกก่อนที่จะเริ่มปรับตัวเข้าสู่แดนลบ โดยปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,612.10 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,565.95 จุด
ขณะที่ส่วนหลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 421 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 322 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 1,543 หลักทรัพย์
ขณะที่ปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า 13,189.82 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -7,201.16 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิกว่า -3,535.33 ล้านบาท และ นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -2,453.34 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 16,033.59 ล้านบาท ปิดที่ 132.00 บาท ลดลง 4.50 บาท
2.AOT มูลค่าการซื้อขาย 7,348.40 ล้านบาท ปิดที่ 59.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
3.EA มูลค่าการซื้อขาย 5,229.72 ล้านบาท ปิดที่ 82.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
4.SCC มูลค่าการซื้อขาย 5,022.18 ล้านบาท ปิดที่ 372.00 บาท ลดลง 9.00 บาท
5.BBL มูลค่าการซื้อขาย 4,823.44 ล้านบาท ปิดที่ 113.00 บาท ลดลง 4.00 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.DELTA ปิดที่ 442.00 บาท เพิ่มขึ้น 24.00 บาทหรือ 5.74%
2.ADVANC ปิดที่ 211.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาทหรือ 2.93%
3.STGT ปิดที่ 32.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาทหรือ 5.69%
4.JMART ปิดที่ 52.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาทหรือ 3.48%
5.BCH ปิดที่ 21.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาทหรือ 3.83%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.ADVANC ปิดที่ 206.00 บาท ลดลง 5.00 บาทหรือ 2.37%
2.BBL ปิดที่ 113.00 บาท ลดลง 4.00 บาทหรือ 3.42%
3.EGCO ปิดที่ 166.00 บาท ลดลง 3.50 บาทหรือ 2.06%
4.BH ปิดที่ 144.00 บาทลดลง 2.50 บาทหรือ 1.71%
5.AEONTS ปิดที่ 181.50 บาท ลดลง 2.50 บาทหรือ 1.36%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,139.25 จุด ลดลง -30.39 จุด หรือ -1.40% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 935.08 จุด ลดลง -13.20 จุด หรือ -1.39% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 551.40 จุด ลดลง -6.25 จุด หรือ -1.12%
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แม้ว่าจะเปิดบวกในภาคเช้า แต่กลับพลิกมาปิดร่วงลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในตลาดในยุโรปซึ่งเปิดทำการซื้อขายช่วงบ่ายนี้ติดลบประมาณ 1.3% เช่นเดียวกับดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่ปรับตัวลงราว 1.5% หลังจากประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมเดอร์นา อิงค์ ระบุว่าประสิทธิภาพของวัคซีนโมเดอร์นาอาจลดลงเมื่อเจอสายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งต้องรอวัคซีนตัวใหม่อีก 2-3 เดือน ทำให้มองว่าสถานการณ์อาจรุนแรงขึ้นจนถึงขั้นกลับไปล็อกดาวน์อีกหรือไม่ ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงเป็นลบ โดยราคาน้ำมันฟิวเจอร์สปรับตัวลง 2% ขณะที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้น 0.5%
นอกจากนี้ ยังมีความกังวลปัจจัยในประเทศที่มีรายงานข่าวว่ารัฐบาลอาจกลับไปล็อกดาวน์หากพบคนติดเชื้อโอไมครอนแม้เพียงคนเดียว อีกทั้งตลาดฯยังรับแรงกดดันจาก MSCI Rebalance ที่มีผลวันนี้ด้วย อย่างไรก็ดี แนะนำให้ติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน พ.ย.ในวันศุกร์นี้ และติดตามการประชุมกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ด้วย
อย่างไรก็ดีมองว่าภาพรวมการลงทุนในวันพรุ่งนี้ ตลาดหุ้นอาจมีโอกาสที่จะรีบาวด์ขึ้นมาได้ก่อน หลังจากที่หลุดเส้น EMA 200 วันที่ 1,570 จุด ทำให้น่าจะมีจังหวะในการเด้งขึ้นมาได้ก่อน โดยประเมินแนวรับที่ 1,560-1,550 จุด ขณะที่แนวต้านที่ 1,585-1,590 จุด