หุ้นไทยปิดตลาด +21.09 จุด หรือ +1.33% โบรกฯ ชี้ตลาดคลายกังวลเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ปรับตัวขึ้นในทิศทางบวกตามตลาดต่างประเทศ หุ้นกลุ่ม Reopening ขึ้นนำตลาดกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง ทั้งกลุ่มค้าปลีก ท่องเที่ยว และ AOT และราคาน้ำมันดีดตัวหนุนกลุ่มพลังงานด้วย ประเมินกรอบการลงทุนพรุ่งนี้แนวรับ 1,600 แนวต้าน 1,615 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 7 ธันวาคม 2564 ปรับตัวขึ้นกว่า 21.09 จุด หรือ +1.33% มูลค่าการซื้อขาย 74,927.55 ล้านบาท โดยในระหว่างวันดัชนี SET INDEX ปรับตัวอยู่ในแนวบวกตลอดทั้งวัน โดยในระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,611.58 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,595.14 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 1,026 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 486 หลักทรัพย์ และลดลง จำนวน 675 หลักทรัพย์
ขณะที่ปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -3,128.75 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า 2,949.01 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิกว่า 165.98 ล้านบาท และ บัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า 13.77 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 4,408.06 ล้านบาท ปิดที่ 137.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท
2.SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,446.31 ล้านบาท ปิดที่ 125.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
3.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,443.69 ล้านบาท ปิดที่ 59.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
4.PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,279.36 ล้านบาท ปิดที่ 37.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
5.AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,946.59 ล้านบาท ปิดที่ 61.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.EGCO ปิดที่ 172.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท หรือ 2.38%
2.SCC ปิดที่ 380.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท หรือ 1.06%
3.KBANK ปิดที่ 137.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท หรือ 2.61%
4.BBL ปิดที่ 117.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือ 2.62%
5.CENTEL ปิดที่ 34.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท หรือ 7.03%
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.TQM ปิดที่ 105.00 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 0.94%
2.ADVANC ปิดที่ 211.00 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 0.47%
3.MEGA ปิดที่ 52.50 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ 1.41%
4.BCH ปิดที่ 20.40 บาท ลดล ง 0.60 บาท หรือ 2.86%
5.STGT ปิดที่ 28.25 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 1.74%
ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,191.49 จุด เพิ่มขึ้น 32.06 จุด หรือ 1.48% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 957.96 จุด เพิ่มขึ้น 14.20 จุด หรือ 1.50% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 564.81 จุด เพิ่มขึ้น 4.68 จุด หรือ 0.84%
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียต่างปรับตัวขึ้นพร้อมๆ กับตลาดในยุโรปที่เปิดทำการซื้อขายในช่วงบ่ายตามเวลาประเทศไทย ซึ่งปรับตัวบวกเฉลี่ย 2% หลังคลายความกังวลเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ทำให้ตลาดหุ้นไทยได้รับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่ม Reopening กลับมาอีกครั้ง โดยปรับตัวขึ้นมานำตลาด ไม่ว่าจะเป็นหุ้นในกลุ่มค้าปลีก ท่องเที่ยว AOT ต่างปรับตัวขึ้นได้ดี
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าไทยจะพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดโอมิครอน แต่เท่าที่ดูข้อมูลที่ออกมายังไม่มีความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตให้เห็นสำหรับเชื้อกลายพันธุ์นี้ ซึ่งทำให้ต่างประเทศคลายความกังวลลง ส่งผลต่อแนวโน้มบวกในประเทศไทยด้วยเช่นกัน
ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นมาช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงานด้วย รวมถึงบ่ายนี้กลุ่มสถาบันการเงินได้แรงหนุนจากหุ้น BAY ที่ปรับขึ้นดีหลังจากที่ชนะประมูลซื้อพอร์ตรายย่อยในประเทศไทยของซิตี้กรุ๊ป ซึ่งช่วยหนุนตลาดด้วย
อย่างไรก็ดี ขอแนะนำให้นักลงทุนติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ และเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนในไทย รวมถึงสัปดาห์หน้ารอติดตามการประชุมของหลายธนาคารกลาง
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ มองว่าตลาดอาจจะลดความร้อนแรงลง แต่เชื่อว่าน่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกได้ โดยประเมินแนวรับที่ 1,600 จุด และแนวต้านที่ 1,615 จุด