xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยดิ่ง -5.96 จุด เจอแรงขายทำกำไรหุ้นใหญ่กลุ่มแบงก์ กลุ่มสื่อสารผันผวน DTAC-TRUE ควบรวมกิจการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดร่วง -5.96 จุด โบรก ฯ ประเมินเจอแรงเทขายทำกำไรหลังไร้ปัจจัย โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ ส่วนกลุ่มสื่อสารผันผวนตามประเด็นควบรวม DTAC-TRUE แนะจับตาประธานเฟดคนใหม่ มองกรอบสัปดาห์หน้าคาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,635-1,660 จุด

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน 2564 ดัชนีปรับตัวลดลง -5.96 จุด หรือ -0.36% โดยปิดที่ 1,645.06 จุด มูลค่าการซื้อขาย 102,896.81 ล้านบาท ในระหว่างวันดัชนีปรับตัวเคลื่อนไหวขึ้นลงทั้งในแดนบวก-ลบ โดยปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,656.27 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,641.52 จุด

ขณะที่ส่วนหลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 533 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 498 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง 1,215 หลักทรัพย์

ขณะที่ปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิกว่า -3,253.21 ล้านบาท และ บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -76.68 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า 3,013.95 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า 315.94 ล้านบาท

ด้านหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.SCB มูลค่าการซื้อขาย 9,885.20 ล้านบาท ปิดที่ 128.00 บาท ลดลง 6.00 บาท
2.TRUE มูลค่าการซื้อขาย 5,065.53 ล้านบาท ปิดที่ 4.32 บาท ลดลง 0.06 บาท
3.EA มูลค่าการซื้อขาย 4,893.34 ล้านบาท ปิดที่ 78.25 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท
4.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 4,786.80 ล้านบาท ปิดที่ 146.50 บาท ลดลง 2.50 บาท
5.BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,389.79 ล้านบาท ปิดที่ 125.50 บาท ลดลง 2.50 บาท

ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.EA ปิดที่ 78.25 บาทเพิ่มขึ้น 6.00 บาทหรือ 8.30%
2.TQM ปิดที่ 110.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาทหรือ3.27%
3.CBG ปิดที่ 119.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาทหรือ 3.03%
4.BGRIM ปิดที่ 42.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 3.05%
5.GPSC ปิดที่ 76.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 0.99%

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.DELTA ปิดที่ 426.00 บาท ลดลง 6.00 บาทหรือ 1.39%
2.KBANK ปิดที่ 146.50 บาท ลดลง 2.50 บาทหรือ1.68%
3.STGT XD ปิดที่ 27.50 บาท ลดล ง 1.50 บาทหรือ 5.17%
4.KKP ปิดที่ 61.00 บาท ลดลง 1.25 บาทหรือ 2.01%
5.SAWAD ปิดที่ 66.25 บาท ลดลง 1.25 บาทหรือ 1.85%

ในส่วนดัชนี SET100 ปิดที่ 2,248.94 จุด ลดลง -10.46 จุด หรือ -0.46% ด้านดัชนี SET50 ปิดที่ 984.39 จุด ลดลง -4.79 จุด หรือ -0.48% และ ดัชนีตลาด mai ปิดที่ 562.07 จุด ลดลง -1.95 จุด หรือ -0.35%

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งแคบไม่ผ่านแนว 1,650 จุดขึ้นไปได้ แต่ภาพตลาดโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยหุ้นขนาดใหญ่ผ่านการเก็งกำไรไปมากแล้ว และเมื่อไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามา นักลงทุนจึงขายทำกำไรออกมาบางส่วน โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มสถาบันการเงินในวันนี้ที่กดดันตลาดฯ หลังจากมีข่าวธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จับตาประเด็นบริการการขายพ่วงประกัน ตามที่มีดราม่าในสังคมออนไลน์มาก่อนหน้านี้

ขณะเดียวกันในส่วนกลุ่มสื่อสารวันนี้ มีความผันผวนพอสมควรจากประเด็นการควบรวมระหว่าง DTAC และ TRUE ซึ่งยังไม่มีรายละเอียดออกมาชัดเจน โดยหากเกิดขึ้นจริงจะส่งผลดีต่อทั้งสองบริษัท แต่ก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบการจับมือกันด้วย ถ้าเป็นการเทคโอเวอร์ก็จะเป็นบวกจากการเข้าเกณฑ์ทำเทนเดอร์ฯ และผู้ถือหุ้นรายย่อยก็จะได้รับประโยชน์ แต่หากเป็นการแลกหุ้นแม้ใช้ราคาสูงแต่นักลงทุนรายย่อยจะไม่มีเอี่ยวด้วย ซึ่งก็จะทำให้ช่วงสั้นเกิด Sell on fact ได้

ส่วนตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ ขณะที่ตลาดยุโรปเทรดบ่ายนี้บวกเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งตลาด ฯเคลื่อนไหวอย่างไร้ทิศทาง หลังจากขาดปัจจัยบวกชี้นำ และยังต้องติดตามว่าใครจะมาเป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คนใหม่

แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า มองว่าดัชนียังคงจะแกว่งตัวในกรอบ 1,635-1,660 จุด


กำลังโหลดความคิดเห็น