หุ้นไทยปิดตลาดปรับตัว +5.28 จุด โบรก ฯ ชี้แรงซื้อมาจากหุ้นกลุ่ม Domestic play ที่ไหลเข้ามา เช่นหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง, หุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม หลังผลประกาศ GDP Q3/64 ดีกว่าคาด สะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ประเมินกรอบ SET INDEX พรุ่งนี้แนวรับที่ 1,635-1,640 จุด และแนวต้าน 1,655-1,660 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.28 จุด หรือ +0.32% โดยมีมูลค่าการซื้อขายกว่า 86,414.00 ล้านบาท โดยในระหว่างวัน ดัชนี SET INDEX ปรับตัวเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยในระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,648.43 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,639.08 จุด
ขณะที่ส่วนหลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 814 หลักทรัพย์ หลักทรัพย์ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 599 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 832 หลักทรัพย์
ขณะที่ปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิกว่า 2,400.96 ล้านบาท บัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า 633.46 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า 772.10 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -3,806.52 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
1.SCB มูลค่าการซื้อขาย 4,181.31 ล้านบาท ปิดที่ 134.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
2.TRUE มูลค่าการซื้อขาย 3,561.14 ล้านบาท ปิดที่ 4.14 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท
3.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,380.65 ล้านบาท ปิดที่ 147.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
4.EA มูลค่าการซื้อขาย 2,372.89 ล้านบาท ปิดที่ 70.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
5.PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,187.78 ล้านบาท ปิดที่ 37.75 บาท ลดลง 0.25 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.MEGA 52.75 บาท +5.25 บาท หรือ +11.05%
2.SINGER 47.50 บาท +2.75 บาทหรือ +6.15%
3.STEC 14.50 บาท +0.80 บาท หรือ +5.84%
4.CK 22.90 บาท +1.10 บาทหรือ +5.05%
5.JMART 47.50 บาท +2.25 บาท หรือ +4.97%
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.CHG 3.68 บาท -0.08บาท หรือ -2.13%
2.SUPER 0.94 บาท -0.02 บาท หรือ -2.08%
3.BCH 20.00 บาท -0.40 บาท หรือ -1.96%
4.DELTA 416.00 บาท -8.00 บาท หรือ -1.89%
5.BCP 26.75 บาท -0.50 บาท หรือ -1.83%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,252.43 จุด เพิ่มขึ้น 8.02 จุด หรือ 0.36% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 986.51 จุด เพิ่มขึ้น 2.45 จุด หรือ 0.25% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 561.26 จุด เพิ่มขึ้น 3.88 จุด หรือ 0.70%
นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวถึงภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันนี้ว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นได้ ส่วนใหญ่เป็นแรงซื้อมาจากหุ้น Domestic play อย่างกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง, กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม หลังจากที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในไตรมาส 3/64 ออกมาดีกว่าคาด และปี 2565 ซึ่งสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ประเมินว่าจะเติบโต 3.5-4.5% แสดงให้เห็นแนวโน้มเศรษฐกิจไทยจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ขณะที่ในส่วนของตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ คล้ายกับตลาดยุโรปที่แกว่งทรงตัวทั้งบวก-ลบไม่มาก ในช่วงรอผลการประชุมร่วมกันของผู้นำสหรัฐและจีนที่คาดหวังจะมีความคืบหน้าในทางบวก ขณะที่แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ มองว่า ตลาดหุ้นน่าจะยังปรับตัวขึ้นได้ต่อ จากแรงซื้อหุ้น Domestic play และกลุ่มเปิดเมือง หลังเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 3/64 และพร้อมจะฟื้นตัวต่อเนื่องถึงปีหน้า พร้อมประเมินแนวรับที่ 1,635-1,640 จุด และแนวต้านที่ 1,655-1,660 จุด