หุ้นไทยปิดบวกเบาบางเพียง 0.59 จุด โบรก ฯ มองแรงซื้อส่วนใหญ่จากหุ้นกลุ่มธนาคารช่วยพยุงดัชนี และความคาดหวังเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวขึ้นจากการประกาศ GDP ใน Q3/64 คาดว่า Q4/64 ภาพรวมเศรษฐกิจประเทศจะทยอยปรับตัวดีขึ้นได้
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 17 พฤศจิกายน 2564 ปรับตัวขึ้นเบาบางก่อนปิดตลาดที่ 1,644.60 จุด ปรับตัวขึ้น +0.59 จุด หรือ +0.04% โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 83,424.17 ล้านบาท ซึ่งในระหว่างวันดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ โดยปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,651.51 จุด และลดลงต่ำสุดที่ 1,642.36 จุด
ขณะที่ส่วนหลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 660 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 517 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 1,056 หลักทรัพย์
ขณะที่ปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า 1,147.81 ล้านบาท และ บัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า 215.49 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิกว่า -1,351.63 ล้านบาท และ นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -11.67 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
1.TRUE มูลค่าการซื้อขาย 3,690.32 ล้านบาท ปิดที่ 4.24 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท
2.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,249.47 ล้านบาท ปิดที่ 149.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
3.SAWAD มูลค่าการซื้อขาย 2,839.57 ล้านบาท ปิดที่ 67.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.25 บาท
4.JMT มูลค่าการซื้อขาย 2,310.31 ล้านบาท ปิดที่ 58.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
5.SCGP มูลค่าการซื้อขาย 2,106.20 ล้านบาท ปิดที่ 63.75 บาท ลดลง 0.25 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.DELTA ปิดที่ 422.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท หรือ 1.44%
2.SAWAD ปิดที่ 67.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.25 บาทหรือ 6.72%
3.KBANK ปิดที่ 149.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 1.36%
4.ADVANC ปิดที่ 197.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาทหรือ 0.77%
5.DTAC ปิดที่ 39.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาทหรือ 3.31%
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BH ปิดที่ 154.00 บาท ลดลง 4.00 บาทหรือ 2.53%
2.TOP ปิดที่ 52.00 บาท ลดลง 2.25 บาทหรือ 4.15%
3.HANA ปิดที่ 93.00 บาท ลดลง 2.25 บาทหรือ 2.36%
4.SCC ปิดที่ 394.00 บาท ลดลง 2.00 บาทหรือ 0.51%
5.EGCO ปิดที่ 175.50 บาท ลดลง 1.50 บาทหรือ 0.85%
ส่วนดัชนี SET100 ปิดที่ 2,252.34 จุด ลดลง -0.09 จุด หรือ 0.00% ขณะที่ดัชนี SET50 ปิดที่ 986.52 จุด เพิ่มขึ้น 0.01 จุด หรือ 0.00% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 558.41 จุด ลดลง -2.85 จุด หรือ -0.51%
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าปรับตัวขึ้นได้ดี ก่อนที่จะเผชิญแรงขายออกมาจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน อย่างหุ้นในกลุ่มโรงกลั่น แต่ก็มีแรงซื้อส่วนใหญ่เข้ามาที่หุ้นในกลุ่มธนาคาร จากความคาดหวังเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้น โดยคาดว่าหลายสำนักวิจัยจะมีการปรับประมาณการ GDP ของไทยปีนี้ดีขึ้นหลังจากที่ GDP งวดไตรมาส 3/64 ออกมาดีกว่าคาด และหุ้นในกลุ่มแบงก์บางตัวยังได้เสริมหนุนจากปัจจัยเฉพาะตัวด้วย อย่างกรณีของ JMT จะร่วมทุน KBANK ทำธุรกิจบริหารสินทรัพย์
ในส่วนของผลประกอบการงวดไตรมาส 3/64 ของบริษัทจดทะเบียนออกมากันครบแล้ว ซึ่งไม่ได้แย่หรือดีมาก แต่มองงบฯไตรมาส 3/64 เป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ และคาดว่าไตรมาส 4/64 จะดีขึ้นได้ ส่วนหุ้นในกลุ่มลิสซิ่งก็ปรับขึ้นตามปัจจัยเฉพาะตัว
ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาควันนี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ ขณะที่ตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้บวกเป็นส่วนใหญ่ เช่นเดียวกับดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่บวกได้เล็กน้อย ตอบรับ Sentiment ดีจากการประชุมของผู้นำสหรัฐฯ และจีน ที่ออกมาในทางบวก อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามอัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค. ของอียู และอังกฤษ ส่วนสหรัฐฯ ให้ติดตามจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ มองว่าตลาดหุ้น จะยังคงจะแกว่งตัวในกรอบ 1,640-1,650 จุด