ราคาหุ้นบริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX ออกอาการไม่ดีตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาแล้ว เหมือนมีข้อมูลภายในรั่วไหล ก่อนที่บริษัทฯ จะประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ซึ่งกำไรทรุดฮวบ
KEX แจ้งผลประกอบการไตรมาสที่ 3 หลังปิดการซื้อขายหุ้นวันที่ 10 พฤศจิกายน โดยมีกำไรสุทธิ 12.83 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 292.09 ล้านบาท
รวมงวด 9 เดือนแรก มีกำไรสุทธิ 651.25 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทีบกับระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,030.06 ล้านบาท
คำอธิบายถึงผลการดำเนินงาน KEX ไตรมาสที่ 3 จากนายอเล็กซ์ อึ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทฯ ไม่ได้ชี้แจงถึงเหตุผลที่กำไรทรุดฮวบลง นอกจากโอ้อวดถึงจำนวนลูกค้าที่เติบโตสูงขึ้น
หุ้น KEX เริ่มปรับตัวลงแรงตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน โดยมีแรงขายทะลักเข้ามา 3 วันติด จนราคาลงไปต่ำสุดที่ตั้งแต่เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยลงไปที่ 32.50 บาท ระหว่างชั่วโมงซื้อขายวันที่ 3 พฤศจิกายน ซึ่งการปรับตัวลงอาจเกี่ยวข้องกับผลประกอบการที่ทรุด ซึ่งมีการประกาศในภายหลัง
KEX ประเดิมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2563 หลังนำหุ้นเสนอขายนักลงทุนทั่วไปครั้งแรกในราคาหุ้นละ 28 บาท จากราคาพาร์ 50 สตางค์ โดยเปิดซื้อขายที่ 63 บาท และถูกลากขึ้นไปสูงสุดที่ 73 บาท ก่อนถูกเทขายจนลงมาปิดที่ 51.25 บาท สูงกว่าจอง 23.25 บาท หรือสูงกว่าจอง 83.04% มูลค่าซื้อขาย 25,271.91 ล้านบาท
ราคาที่ถูกลากขึ้นไปที่ 73 บาท ในการซื้อขายวันแรกกลายเป็นราคาสูงสุดนับจากเจ้าซื้อขาย โดยนักลงทุนเข้าไปเคาะซื้อ ติดดอยมาจนถึงวันนี้
ราคาหุ้นที่ร้อนแรงของ KEX ในการซื้อขายช่วงแรกที่เข้าตลาด เกิดจากความคาดหวังว่า ผลประกอบการบริษัทจะเติบโตต่อเนื่อง ในฐานะธุรกิจดาวรุ่ง โดยการจัดส่งพัสดุตลาดยังขยายตัว นักลงทุนจึงแห่เข้าไปเก็งกำไร จนราคาวิ่งแซงหน้าปัจจัยพื้นฐาน
หลังเข้าตลาดหุ้นได้สักพัก บรรยากาศการเก็งกำไรเงียบเหงาลง ราคาหุ้น KEX จึงเริ่มอ่อนลง และใกล้ประกาศงบไตรมาสที่ 3 ปีนี้ ราคาหุ้นปรับฐานลงจนน่าสังเกต
ค่าพี/อี เรโช หุ้น KEX อยู่ที่ 64 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทน 0.58% โดยราคาที่ซื้อขายปัจจุบันตั้งอยู่บนความคาดหวังแนวโน้มการเติบโตของผลประกอบการ แต่ผลประกอบการไตรมาส 3 ที่เพิ่งประกาศไม่เป็นไปตามที่คาด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นหุ้นตัวนี้
เพราะแม้จะเป็นธุรกิจดาวรุ่ง แต่ผลประกอบการกลับไม่ได้เติบโตต่อเนื่อง อย่างน้อยในไตรมาสที่ 3 ผลกำไรก็สะดุด และหากผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ออกมาไม่ดีอีก อาจส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น KEX อีกระลอก
นักลงทุนรายย่อยแห่เข้าไปลุยหุ้น KEX จำนวนมากหลังเข้าตลาด ทำให้จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยพุ่งขึ้นเป็น 20,519 ราย ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 20.82% ซึ่งส่วนใหญ่แบกราคาหุ้นต้นทุนสูง หรือติดหุ้นอยู่ และยังรอลุ้นว่า ผลประกอบการไตรมาสที่ 4 จะกลับมาสดใส เพื่อกระตุ้นราคาหุ้นให้พุ่งทะยาน เหมือนช่วงที่หุ้นเข้าซื้อขายวันแรก
แต่ช่วงเวลาดีที่สุดของหุ้น KEX อาจผ่านพ้นไปแล้ว และความเป็นจริงที่นักลงทุนลังเผชิญอยู่คือ
KEX ไม่ใช่หุ้นดาวรุ่งพุ่งแรงอย่างเสมอต้นเสมอปลายอย่างที่คิด ปัญหาที่ต้องคิดต่อคือ ติดหุ้นต้นทุนสูงเข้าไปแล้วจะแก้ไขอย่างไร