xs
xsm
sm
md
lg

หลาย บจ.ประกาศงบบัญชี Q3/64 โตตามเป้า หนุนหุ้นไทยปิดบวก 1.97 จุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หุ้นไทยปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.97 จุด จากผลประกอบการของหลายบริษัทจดทะเบียนที่เป็นไปตามคาด และแรงหนุนหุ้นกลุ่ม Reopening ที่มีแรงซื้อกลับเข้ามาจากที่ผ่านไปครึ่งทางหลังประกาศเปิดเมือง ชี้กระทรวงแรงงานเคาะประเด็นเรื่องนำเข้าแรงงานต่างด้าว คาดหนุนหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มค้าปลีกขนาดเล็กรับอานิสงส์ มองแนวต้านที่ 1,635 จุด และแนวรับที่ 1,620 จุด

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564 ปรับตัวขึ้น 1.97 จุด หรือ +0.12% โดยมีมูลค่าการซื้อขายเพียง 63,501.66 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยดัชนีทำระดับสูงสุด 1,634.44 จุด และระดับต่ำสุด 1,626.80 จุด โดยในระหว่างวันดัชนีแกว่งตัวสลับขึ้นลงทั้งในแดนบวกและแดนลบตลอดทั้งวัน ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นมาในแดนบวกก่อนปิดตลาด ซึ่งปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,634.44 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,626.80 จุด

ขณะที่ส่วนหลักทรัพย์ที่มีการปรับตัวในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 712 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 516 หลักทรัพย์ และ ปรับตัวลดลง จำนวน 968 หลักทรัพย์

ขณะที่ปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิกว่า 244.91 ล้านบาท ส่วนบัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า 11.49 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า 595.12 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า - 851.52 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
1.COM7 มูลค่าการซื้อขาย 2,339.30 ล้านบาท ปิดที่ 75.25 บาท เพิ่มขึ้น 3.75 บาท
2.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,012.88 ล้านบาท ปิดที่ 149.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
3.KCE มูลค่าการซื้อขาย 1,419.42 ล้านบาท ปิดที่ 91.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
4.BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,366.67 ล้านบาท ปิดที่ 24.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท
5.BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,361.82 ล้านบาท ปิดที่ 127.00 บาท ลดลง 1.00 บาท

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.DELTA ปิดที่ 397.00 บาทเพิ่มขึ้น 10.00 บาท หรือ 2.58%
2.COM7 ปิดที่ 75.25 บาท เพิมขึ้น 3.75 บาท หรือ 5.24%
3.SCC ปิดที่ 397.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
 หรือ 0.76%
4.SYNEX ปิดที่ 26.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 4.95%
5.OSP ปิดที่ 34.25 บาทเพิ่มขึ้น 1.25 บาทหรือ 3.79%

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.IVL ปิดที่ 41.50 บาท ลดลง 1.25 บาท หรือ 2.92%
2.PSL ปิดที่ 16.50 บาท ลดลง 1.10 บาท หรือ 6.25%
3.MTC ปิดที่ 60.00 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 1.64%
4.PTTGC ปิดที่ 61.50 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 1.60%
5.PTTEP ปิดที่ 119.50 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 0.83%

นายสุโชติ ถิรวรรณรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่าตลาดหุ้นไทยปรับตัวแกว่งไซด์เวย์ไร้ทิศทางที่ชัดเจนในวันนี้โดยส่วนใหญ่ต่างโฟกัสไปที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในงวดไตรมาส 3/64 ทำให้หุ้นที่งบผลประกอบการออกมาดีจะปรับตัวในทิศทางบวก และยังมีหุ้นที่มีการประกาศงบ และทิศทางการดำเนินธุรกิจผ่านทางงาน Opp. day ของ SET ซึ่งจะมีแรงเก็งกำไรเข้ามา ดังนั้น ตลาดจึงเป็นลักษณะของการเล่นเก็งกำไรหุ้นเป็นรายตัว

นอกจากนี้ หุ้นในกลุ่ม Reopening ที่ถูกขายก่อนหน้านี้เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามา หลังจากที่เปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย. ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นมาก ทำให้ต้องรอดูสถานการณ์ 14 วันก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านมาครึ่งทางแล้วจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นไม่ได้น่ากังวลเท่าไร ทำให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาบ้าง ท่ามกลางแรงขายทำกำไรหุ้นในกลุ่มแบงก์หลังจากที่ขึ้นไปก่อนหน้านี้ ดัชนีจึงแกว่งไซด์เวย์ออกด้านข้าง

พร้อมกันนี้ ให้ติดตามการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.ชุดใหญ่) ในวันศุกร์นี้ว่าจะมีการเคาะเรื่องนำเข้าแรงงานหรือไม่ ซึ่งหากมีจะเป็นการปลดล็อกหุ้นบางกลุ่มที่เกี่ยวข้อง อย่างหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มค้าปลีกขนาดเล็ก

ทั้งนี้ แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (12 พ.ย.) นายสุโชติ กล่าวว่า ตลาดคงจะแกว่งไซด์เวย์ โดยมีแนวต้านที่ 1,635 จุด หากผ่านไปได้จะไปทดสอบ High เดิมที่ 1,650 จุด ส่วนแนวรับให้ไว้ที่ 1,620 จุด


กำลังโหลดความคิดเห็น