FETCO เผยดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้าอยู่ในเกณฑ์ร้อนแรงมาก สูงสุดเป็นประวัติการณ์ คาดหวังท่องเที่ยว-ศก. ฟื้นตัว ส่วน SET Index ปีนี้คงเป้าหมาย 1,650 จุด ส่วนปีหน้า 1,800 จุด คาดฟันด์โฟลว์ไหลเข้า 1 แสนล้านบาท หาก GDP โตเกิน 4% ขณะที่ภาครัฐออกมาตรการกระตุ้น ศก.เพิ่มช่วยหนุน ด้าน บล.โกลเบล็ก มอง SET เดือนนี้ยังผันผวนในกรอบ 1,570-1,650 จุด จับตาตัวเลข ศก.ในประเทศ ประชุม ธปท. นโยบายการเงินเฟด และประชุมโอเปก แนะลงทุนหุ้นเปิดเมือง ปลดล็อก LTV
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index : ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 168.69 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่เริ่มทำการจัดทำดัชนี โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 18.2% จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ในเกณฑ์ "ร้อนแรงอย่างมาก"
"นักลงทุนคาดหวังการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมาคือแผนการฉีดวัคซีนเพื่อคลี่คลายสถานการณ์โควิด-19 และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ" นายไพบูยล์ กล่าว
ส่วนปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ ความกังวลต่อสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่หลังเปิดประเทศ รองลงมาคือ การถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ
ขณะที่หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM) ด้านหมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดประกันภัยและประกันชีวิต (INSUR)
คงเป้าดัชนีปีนี้ 1,650 จุด ส่วนปี 65 1,800 จุด ฟันด์โฟว์แสนล้านบาท
สำหรับภาพรวมตลาดหุ้นไทยในปีนี้ยังคงมองเป้าหมายดัชนีไว้ที่ 1,650 จุด โดยในช่วงระยะ 2-3 เดือนนี้เริ่มมีเม็ดเงินของนักลงทุนต่างชาติ หรือฟันด์โฟลว์ไหลเข้ามาในประเทศแล้วประมาณ 3 หมื่นล้านบาท โดยเดือนล่าสุดเข้ามามากถึงระดับ 1.5 หมื่นล้านบาท
ส่วนปี 65 ยังคงมองเป้าหมายดัชนีที่ 1,800 จุด ซึ่งจะมีปัจจัยเปิดประเทศและการท่องเที่ยวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัว และหากภาพรวมการเติบโตเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) มีมากกว่า 4% จะมีโอกาสเห็นภาพรวมฟันด์โฟลว์ปี 65 ไหลเข้ามาในระดับ 1 แสนล้านบาท
"ระดับแสนล้านบาทคงได้เห็นในปี 65 ซึ่งจะต้องเห็นเศรษฐกิจไทยฟื้นดีกว่าตลาดคาด ทั้งภาคท่องเที่ยวที่ดีกว่าคาด และหากสามารถทำเศรษฐกิจให้โตกว่า 4% ขึ้นไป เชื่อว่าเงินต่างชาติจะไหลเข้ามาได้ แต่ต้องขึ้นกับปัจจัยต่างประเทศด้วยว่าสภาพแวดล้อมไม่แย่ลง ทั้งราคาน้ำมัน การขนส่ง ส่วนปัจจัยในประเทศเราต้องบริหารการเปิดประเทศได้ดี เพราะเราเป็นตลาดที่ Underperform โดยระดับก่อนโควิด-19 เราขึ้นมาแค่ 3% แต่หลายตลาดขึ้นไปแล้ว 40%" นายไพบูลย์ กล่าว
ส่วนทิศทางการเมืองในปี 65 คาดว่าจะอยู่ในช่วงการหาเสียงของฝ่ายค้าน ส่วนภาครัฐบาลคาดว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพื่อหวังการกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง หลังจากภาครัฐได้ปรับเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะขึ้นเป็น 70% จึงมีความเป็นไปได้ว่าจะออกพ.ร.ก.เงินกู้เพิ่มอีก เพื่อสร้างแรงกระตุ้นฟื้นฟูเศรษฐกิจให้เติบโตในระยะยาว
โกลเบล็กคาด SET พ.ย.ขยับ 1,570-1,650 จุด
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยเดือนพ.ย.64 ว่า ดัชนีแกว่งตัวผันผวน โดยมีรับแรงซื้อหุ้นในกลุ่ม Reopening จากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี 64 และมีผลดีต่อเนื่องไปยังปี 65
ในขณะที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้รายงานผลสำรวจเรื่องผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ต่อภาคธุรกิจไทยในเดือน ต.ค.64 ว่า ธุรกิจโดยรวมทรงตัวจากเดือนก่อนแต่เห็นสัญญาณดีขึ้นเล็กน้อยในภาคการผลิตและการค้าจากการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้ดีขึ้น และการทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมทำให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น และการเพิ่มเม็ดเงินกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐช่วยให้ความเชื่อมั่นและการบริโภคปรับดีขึ้น
ประกอบกับการเก็งกำไรการรายงานผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/64 ของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยประกาศออกมาในช่วงต้นเดือนนี้ จึงทำให้ดัชนีตลาดหุ้นเคลื่อนไหวในกรอบ 1,570-1,650 จุด
ส่วนปัจจัยที่ยังคงต้องจับในเดือนนี้ เช่า การแถลงสถานการณ์ด้านราคาสินค้าและบริการของกระทรวงพาณิชย์ สภาธุรกิจตลาดทุนไทยแถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและอัปเดตสถานการณ์ลงทุน ตลท. แถลงข้อมูลสรุปภาวการณ์ซื้อขายหลักทรัพย์ การประชุม กนง. ครั้งที่ 7/64 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ สภาพัฒน์แถลงตัวเลข GDP ไตรมาส 3Q64 ประชุม ครม.สัญจร จ.กระบี่ กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้า สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจ และดัชนีความเชื่อมั่น ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
รวมทั้งสถานการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศ และการส่งสัญญาณด้านโยบายการเงินของเฟด และสถานการณ์ราคาน้ำมัน ซึ่งกลุ่มโอเปกพลัสจะมีการประชุมในวันนี้ (4 พ.ย.)
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้น Reopening Play ได้แก่
หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว เช่น MINT, ERW, CENTEL, AWC, SHR, AOT, AAV และBA
หุ้นกลุ่มขนส่ง เช่น BEM และ BTS
หุ้นกลุ่มห้างสรรพสินค้า เช่น CPN, CRC และ MBK
หุ้นกลุ่มร้านอาหาร เช่น AU, M และ ZEN
หุ้นกลุ่มค้าปลีก CPALL, BJC และ MAKRO
หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก ธปท.คลายกฎ LTV โดยเน้นลงทุนในหุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ แต่ซื้อขายที่ระดับ P/E ต่ำ ได้แก่ LH, QH, AP, SPALI, SIRI, ORI, LALIN, PSH และ LPN