รัฐปลดล็อกดาวน์ กระตุ้นเศรษฐกิจ หนุนการจับจ่าย อีกทั้งเพิ่มจำนวนประเทศเข้าไทยแบบไม่ต้องกักตัวเป็น 63 ประเทศ ดันหุ้นหลายกลุ่มสดใส ธุรกิจ “โรงแรม” คึกชัดเจน ขณะตัวเลขนักท่องเที่ยวในประเทศช่วงที่ผ่านมาพบอัตราการจองห้องเพิ่ม โบรกฯ มอง ERW CENTEL และ MINT รับผลบวกทางตรงมากสุด หนุนผลงาน Q4 พุ่ง ต่อเนื่องถึงปี 65
นับจากปลายปีที่ 62 หลังจากมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 และรุนแรงขึ้นต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน และเมื่อคลี่คลายลงบ้าง รัฐออกมาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมากมาย และหนึ่งในนั้นคือโครงการเราเที่ยวด้วยเฟสแรกจึงเกิดขึ้นตามด้วยเฟส 2 และปีนี้มีเฟส 3 ซึ่งคึกคัก หลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการเดินทาง โรงแรมที่พักใกล้กรุงเทพฯ ระยะไม่เกิน 300 กิโลเมตรได้รับความสนใจ เดือนก.ย.อัตราการเข้าพักเพิ่มสูง 15% จากเดือนส.ค.มีอัตราเข้าพักเพียง 1% โรงแรมขนาดเล็ก พูลวิลล่า บ้านพัก แบบส่วนตัวได้รับความนิยมสูง
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 ก็ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง มีประชาชนสนใจเข้าร่วมโครงการเฟส 3 กว่า 6 แสนราย ผู้ประกอบการ 2,249 ราย ทำให้ยอดสะสมโครงการเฟส 1-3 กว่า 8.8 ล้านคน มูลค่าสะสมรวมกว่า 1,162.4 ล้านบาท ซึ่งพบว่ามียอดจองห้องพักสะสมรวมจำนวนทั้งสิ้น 120,328 ห้อง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทรงตัวและมี แนวโน้มคลี่คลาย รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการการเดินทาง
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากล่าวว่ามีรายงานออกมาว่า ขณะนี้พบสัญญาณนักท่องเที่ยวชาวไทยเริ่มมีความต้องการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น จากอัตราการเข้าพักเดือน ก.ย.ที่ส่งสัญญาณเป็นบวกในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ จากการสำรวจอัตราการเข้าพักในเดือนก.ย.2564 อัตราการเข้าพักแรมของเดือนก.ย.64 มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน โดยเฉพาะโรงแรมและที่พักที่อยู่ในจังหวัดท่องเที่ยวใกล้กับกรุงเทพฯ ระยะทางจากกรุงเทพฯ ไม่เกิน 300 กิโลเมตร
อย่างจังหวัดชลบุรีเป็นจังหวัดที่มีการเปลี่ยนแปลงของอัตราการเข้าพักสูงที่สุด โดยมีอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นจาก 1% ในเดือนส.ค. เพิ่มขึ้นมาเป็น 15% ในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ จังหวัดที่มีอัตราการเข้าพักที่เพิ่มขึ้นรองลงมา ได้แก่ กาญจนบุรี เพชรบุรี (ชะอำ) ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน) พระนครศรีอยุธยา และนครราชสีมา เป็นต้น ซึ่งอัตราการเข้าพักที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการเข้าพักในสถานพักแรม เฉพาะกลุ่มโรงแรมระดับ 4 ดาว ที่เน้นการใช้กลยุทธ์ด้านราคาในการทำตลาด เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งจากโรงแรมระดับ 5 ดาว
โดยอาศัยความได้เปรียบของทำเลและสิ่งอำนวยความสะดวกในที่พักที่ดีกว่าโรงแรมระดับรองลงมา การสำรวจพฤติกรรมนักท่องเที่ยวพบว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลือกที่จะพักในโรงแรมและที่พักที่มีความเป็นส่วนตัว หรือเป็นสถานที่ที่มีผู้คนไม่หนาแน่น เพื่อลดความเสี่ยงจากโรคโควิด-19 ทำให้คาดการณ์ว่าที่พักประเภทรีสอร์ตแบบวิลล่าและพูลวิลล่า หรือสถานที่พักแรมในรูปแบบอื่นๆ ที่มีความเป็นส่วนตัวจะเป็นกลุ่มแรกที่มีการฟื้นตัว
ขณะที่รายได้จาก “ ไทยเที่ยวไทย ” คาดว่ามีโอกาสฟื้นตัวในช่วงปลายปีจากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมาตรการกระตุ้นการเดินทางของรัฐบาล แม้ว่าช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี จะถือเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวที่สำคัญของการท่องเที่ยวภายในประเทศล่าสุด 31 ต.ค.กระทรวงการต่างประเทศ เพิ่มรายชื่อประเทศเสี่ยงต่ำ เดินทางเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัวจากเดิม 46 ประเทศ เป็น 63 ประเทศ เริ่ม 1 พ.ย.นี้ ยิ่งจะส่งผลต่อการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น แต่จะต้องได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบโดส เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ ควบคู่กับความมั่นคงด้านสาธารณสุขตามแผนการเปิดประเทศของรัฐบาล และหลักเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งนั่นยิ่งจะส่งผลต่อตัวเลขของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่จะมีมากขึ้น ดังนั้นจึงทำให้ราคาหุ้นกลุ่มโรงแรมคึกคักขึ้นมาอีกหน รวมถึงหุ้นที่เกี่ยวเนื่องการท่องเที่ยวอย่างสายการบินและค้าปลีก ต้องมาลุ้นกันว่าแต่ละแห่งจะฟื้นตัวได้มากน้อยเพียงใด
หุ้นโรงแรม-การบินรับผลบวกเปิดประเทศ
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก หรือ GBS มองว่าหลังจากนายกรัฐมนตรีเรื่องการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศในเดือนพฤศจิกายนโดยไม่มีการกักตัว รวมทั้งการผ่อนคลายสถานบันเทิงเปิดให้บริการตั้งแต่ 1 ธันวาคมนี้ มีหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการเตรียมเปิดประเทศในเดือนหน้า ได้แก่ MINT, ERW, CENTEL, AWC, SHR, ASAP, AOT, AAV และ BA
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังต้องติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดอย่างใกล้ชิด รวมทั้งปัจจัยราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศโดยยังคงมีคลัสเตอร์ใหม่เพิ่มขึ้นในต่างจังหวัด ขณะที่ นายอนุสรณ์ ธรรมใจ ชี้ไทยเสี่ยงเผชิญ Stagflation ชั่วคราว โดยคาดว่าไตรมาส 1/2565 ราคาน้ำมันไปแตะที่ระดับ 100 ดอลล์ ประกอบกับสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศซึ่งมีพื้นที่เฝ้าระวังน้ำมาก นอกจากนี้ยังคงต้องดูผลจากการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ประเมินสถานการณ์โควิด-19 ลุ้นคลายล็อกระดับจังหวัด
หุ้นหลายกลุ่มคึกรับเปิดคลายล็อก
บล.ไทยพาณิชย์ มองว่าการเปิดประเทศเป็นปัจจัยบวกระยะสั้น ทั้งนี้คาดว่าตลาดน่าจะรอดูผลตัวเลขนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาก่อนมากกว่า ขณะที่ความกังวลด้านเงินเฟ้อพุ่งขึ้นกดดันภาวะการลงทุนทำให้กรอบบนยังถูกจำกัดที่แนวต้าน 1,640-1,648 จุด ด้านกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1,630 และ 1,620 จุด ตามลำดับ และกลยุทธ์การลงทุนใช้วิธีการ Selective Buy หรือเก็งกำไรอย่างระมัดระวัง พร้อมล็อกเป้าพอร์ตลงทุนหลักเน้นหุ้นเชิงรับ หุ้นที่คาดกำไรไตรมาส 3 เติบโตทั้งรายปีและรายไตรมาสอย่าง BBL, KBANK, BDMS, RJH ส่วน หุ้นที่ได้อานิสงส์คลายล็อกดาวน์เพิ่มคือ MIN, TERW, CRC, SPALI ขณะที่พอร์ตเทรดดิ้งแนะนำ หุ้นพลังงานที่ได้ momentum เชิงบวกจากราคาน้ำมันทรงตัวสูง BCP, PTTEP, TOP และ หุ้นที่ได้อานิสงส์ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เป็นขาขึ้นอย่าง IVL
ทั้งนี้ การเปิดรับนักท่องเที่ยว สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วและเดินทางเข้าไทยทางอากาศ ตามประกาศรายชื่อประเทศความเสี่ยงต่ำ ความคืบหน้าในการเปิดประเทศที่ชัดเจนขึ้น มองเป็น sentiment บวกต่อหุ้น reopening เช่น โรงแรม ค้าปลีก ร้านอาหาร ขนส่ง สามารถเก็งกำไรระยะสั้นได้ใน MINT, ERW, CRC, BEM, ZEN และ คาดว่าบริษัทที่ประกอบธุรกิจสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคจะรายงานกำไรไตรมาส 3/2564 ลดลงทั้งเทียบปีก่อน และเทียบไตรมาสก่อน หลักๆ เกิดจากการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ยังเห็น downside risk ของการเติบโตของสินเชื่อ การตั้งสำรองฯ และการแข่งขันที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตามมองว่า MTC จะได้รับผลกระทบน้อยที่สุดจากแนวโน้มที่จะมีการแข่งขันทางราคา เพราะคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุด
ปลดล็อกต่างชาติ ดันหุ้นท่องเที่ยวฟื้น
นายธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์ นักกลยุทธ์เศรษฐศาสตร์มหภาค บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า หลังจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ความพร้อมรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น ผ่านการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว จากประเทศเสี่ยงต่ำ แบบไม่กักตัวและไม่จำกัดพื้นที่ท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 รวมถึงอนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารและเปิดสถานบันเทิง ตั้งแต่ 1 ธันวาคม โดยประเมินว่าประกาศดังกล่าว ตอกย้ำมุมมองเชิงบวกของหุ้นในกลุ่มเปิดประเทศ (รีโอเพนนิ่ง) ถือเป็นการปลดล็อกในจังหวะที่เหมาะสม เนื่องจากสอดรับกับฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ปลายปี 2564 ที่มีความต้องการในการท่องเที่ยวของทั้งตลาดต่างชาติ โดยเฉพาะชาวตะวันตกที่เข้าสู่หน้าหนาว และชาวไทยที่อยู่ในภาวะอัดอั้นจากการระบาดโควิด-19 ที่ยืดเยื้อกว่าคาด
"ที่ผ่านมาแม้รัฐบาล เริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ตั้งแต่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่เพราะขณะนี้ในหลายพื้นที่ยังประสบกับปัญหาฝนตก น้ำท่วม ทำให้การท่องเที่ยวในประเทศยังเร่งตัวขึ้นได้ไม่เต็มที่ ทำให้แนวทางการผ่อนคลายที่เน้นหนักในภาคการท่องเที่ยว การเดินทางเข้าประเทศ (อินบราวด์) ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการท่องเที่ยวในประเทศ ส่งผลให้หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวกลับมาได้รับความน่าสนใจอีกครั้ง" นายธีรเศรษฐ์กล่าว
สำหรับหุ้นกลุ่มคาดว่าจะได้อานิสงส์เชิงบวกจากการเปิดประเทศรับต่างชาติ ได้แก่ หุ้นกลุ่มโรงแรม น่าจะถึงเวลาเก็บเกี่ยวแล้ว หลังผ่านพ้นช่วงแห่งความยากลำบากและการเตรียมพร้อม ทั้งด้านการบริหารจัดการต้นทุน และการลงทุน โดยเฉพาะตอนนี้ถือเป็นการเปิดประเทศครั้งแรกหลังจากที่ประเทศไทยเจอการระบาดโควิด-19 ที่มีระลอกใหม่เข้ามาในทุกช่วงเทศกาลตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ปี 2563 และ หุ้นกลุ่มการบริโภคในประเทศ ที่แม้ฟื้นตัวจากกำลังซื้อในประเทศได้แล้วระดับหนึ่ง แต่จะเร่งตัวจากกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กลับเข้ามาเพิ่มเติม รวมถึงหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากภาวะเศรษฐกิจที่เข้าสู่จุดฟื้นตัว โดยแนะนำ AOT ที่เป็นหุ้นแถวแรกที่ได้ประโยชน์ตรงๆ ตั้งแต่ก้าวแรกของการเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติ จากรายได้กิจการการบินที่จะเร่งตัว รายได้ค่าเช่าที่จะกลับมาฟื้นตัว
นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังนายกฯ ประกาศเปิดประเทศวันที่ 1 พ.ย.2564 นี้ คาดจะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้น และผลบวกต่อกลุ่มหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเมือง-เปิดประเทศ เพราะแผนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่ต้องกักตัวเกิดขึ้นเร็วกว่าคาดการณ์ จากเดิมคาดว่าจะเริ่มในปี 2565
ทั้งนี้ คาดการณ์กลุ่มหุ้นท่องเที่ยวคึกคักทั้งแผง นำโดยกลุ่มโรงแรมที่ได้ประโยชน์ทางตรง ได้แก่ บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) คาดว่าจะได้รับประโยชน์มากที่สุด จากสัดส่วนพอร์ตโรงแรม 90% ที่อยู่ในไทย รองลงมา บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) และ บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) ตามลำดับ
นอกจากนี้ คาดว่ากลุ่มอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องและราคาหุ้นยังปรับขึ้นช้ากว่าดัชนีหุ้นไทย (SET Index) น่าสนใจลงทุน อย่าง กลุ่มขนส่ง บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) กลุ่มค้าปลีก บมจ.ซีพี ออลล์ (AOT) และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการกลับมารีสตาร์ทธุรกิจ โดยเลือก ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เป็นหุ้นเด่น จากที่มีพอร์ตลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) รวมถึงธุรกิจท่องเที่ยวมากที่สุด
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมิน ให้น้ำหนักการลงทุน “มากกว่าตลาด” ของ หุ้นกลุ่มโรงแรม เพราะความต้องการที่อั้นจากการเดินทางในประเทศและการเปิดเมืองท่องเที่ยว ตั้งแต่เดือน พ.ย. นี้เป็นต้นไปจะส่งผลให้รายได้ของโรงแรมในไทยปรับเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 4 ปี 2564 จนถึงไตรมาสแรกปี 2565 อย่างไรก็ดี แม้ผลประกอบการไตรมาส 3 ปีนี้จะยังอ่อนแอ แต่คาดว่าจะเริ่มเห็นผลบวกจากการลดต้นทุนและรายได้เริ่มฟื้นตัว ซึ่งจะส่งผลให้ Margin หรืออัตราส่วนกำไรสูงขึ้นเหนือกว่าช่วงก่อนโควิดเมื่อรายได้กลับมาปกติ ในบรรดาหุ้นในกลุ่มโรงแรมทั้งหมด ยกเว้น AWC ที่ราคาหุ้นน่าสนใจลงทุนเพราะเทรดกันที่ระดับ P/E 26-23 เท่า ของปี 2023 ต่ำกว่า 36 เท่า ของ ค่าเฉลี่ย 5 ปีของธุรกิจท่องเที่ยว
ทั้งนี้ MINT และ SHR ที่จะมีปัจจัยหนุนระยะสั้นจากผลประกอบการไตรมาส 3 ที่คาดว่าจะดีขึ้น โดย MINT แนะนำให้ซื้อ ราคาเป้าหมาย 42 บาท โดยได้ปรับประมาณการกำไรขึ้นจาก Margin ที่คาดว่าจะฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 3 นี้เป็นต้นไป รายได้จากโรงแรมในยุโรปดีขึ้นมากกว่าที่คาด และคาดว่ากำไรไตรมาสสี่ปีนี้จะดีต่อเนื่อง
ส่วน SHR ให้ซื้อราคาเป้าหมาย 4.60 บาท คาดไตรมาส 3 นี้จะมีผลขาดทุนน้อยลง จากโรงแรมที่อังกฤษซึ่งมีโอกาสพลิกฟื้นกลับมามีกำไร และโรงแรมใน Maldives ก็มีผลการดำเนินงานดีขึ้นในไตรมาส 3 นี้เช่นกัน ซึ่งฝ่ายวิจัยได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2565 และ 2566 เพื่อสะท้อนความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น และ ERW ให้ซื้อ ราคาเป้าหมาย 4 บาท คาดไตรมาส 3 ปีนี้จะขาดทุนจากการดำเนินงานปกติมากขึ้น แต่คาดว่าจะฟื้นตัวในไตรมาสสี่นี้เป็นต้นไปหลังการเปิดเมืองท่องเที่ยว รวมถึงกรุงเทพฯ เพราะรายได้หลักส่วนใหญ่มาจากโรงแรมในประเทศเป็นหลัก
ขณะที่ บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมิน หุ้นกลุ่มโรงแรมไว้เมื่อต้นปี 64 และคงน้ำหนักการลงทุนมากกว่าตลาด เลือก MINT เป็นตัวเลือกหลักของกลุ่ม การ LockDown ที่รุนแรงในยุโรปทำให้หุ้นถูกกระทบก่อนโรงแรมอื่นที่มี Port ภายในประเทศเป็นหลัก แต่การกระจายวัคซีนที่เร็วกว่าภูมิภาคอื่นในยุโรปจะทำให้การฟื้นตัวเร็วในครึ่งปีหลัง 2564 เร็วกว่ากลุ่มเช่นกัน นอกจากนี้ การบริหารธุรกิจที่เก่งกว่าคู่แข่งจะทำให้การฟื้นตัวของกำไรในช่วง Post COVID-19 เด่นที่สุด
และเลือก CENTEL เป็นตัวเลือกรอง จากงบดุล ที่แข็งแกร่งกว่ากลุ่มทำให้ความเสี่ยงต่ำในกรณีที่วัคซีนไม่ได้ผลผิดคาดหรือการ Lockdown ลากยาว และอาจ ได้แรงกระตุ้นพิเศษหากภาพรัฐกระตุ้นการท่องเที่ยวรอบใหญ่ในครึ่งปีหลัง 2564 ส่วน SHR มองเป็นตัวเลือกที่อาจมี Surprise เพราะการฟื้นตัวของตลาด Maldives และโรงแรมใน UK ที่จะดีกว่าที่ตลาดคาด หลังมีวัคซีน และอาจได้มี Surprise สำหรับการซื้อกิจการจากงบดุลที่ดี กว่ากลุ่ม อีกตัวคือ ERW เป็นตัวเลือกที่จะฟื้นตัวได้เร็วและแรงในกรณีที่ประเทศไทยพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ จาก Operating Leverage ที่สูงกว่ากลุ่มและโรงแรมหลัก 2 โรง (คิดเป็นราว 60% ของรายได้รวมในปีก่อนเกิด COVID-19) อยู่ในกรุงเทพฯที่พึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติเกือบทั้งหมด