กิมเอ็งประเมินเปิดประเทศ พ.ย.นี้ เป็นจังหวะเหมาะต่อหุ้นกลุ่ม Re-Opening กลุ่มการบิน โรงแรม AOT-MINT-CENTEL รับข่าวดีก่อนใคร ทั้งยังเป็น High season ช่วงปลายปี หนุนภาคท่องเที่ยวฟื้น ส่วนค้าปลีก แบงก์ สื่อสาร รพ. CPN-CPALL-KBANK-BBL-ADVANC-DTAC รับอานิสงส์ตามลำดับ ขณะที่ ASPS ประเมิน Fund flow ไหลเข้าหุ้นไทยเพิ่มอีก ระบุตั้งแต่เดือน ก.ย.64 ถึงปัจจุบัน เม็ดเงินต่างชาติไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยแล้วกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท
นายธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์ นักกลยุทธ์เศรษฐศาสตร์มหภาค บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ MBKET เปิดเผยว่า ภายหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ถึงพัฒนาการเชิงบวกสถานการณ์โควิด-19 (11 ต.ค.) และแนวทางการผ่อนคลายมาตรการควบคุม โดยให้น้ำหนักกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงปลายปี ในขณะเดียวกันพร้อมรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น โดยมีมาตรการหลักประกอบด้วย
1.การเปิดรับนักท่องเที่ยวตางชาติ : ตั้งแต่ 1 พ.ย.64 พร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวจากประเทศเสี่ยงต่ำ ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว เดินทางเข้าประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัว เพื่อรองรับ High Season ช่วงปลายปี และขยายจำนวนประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วง ธ.ค.64 และ ม.ค.65 ตามลำดับ
2.อนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารและเปิดสถานบันเทิง : เริ่มตั้งแต่ 1 ธ.ค.เป็นต้นไป
หุ้น Re-Opening รับผลบวกเปิดประเทศ
สำหรับแนวทางการผ่อนคลายซึ่งเน้นไปที่ภาคการท่องเที่ยว การเดินทางเข้าประเทศ (in bound) ของต่างชาติ ตอกย้ำมุมมองเชิงบวกของหุ้นในกลุ่ม Re-Opening และถือเป็นการปลดล็อกในจังหวะที่เหมาะสม เนื่องจากเป็นช่วง High season และมี Pent-up Demand สำหรับการท่องเที่ยวของทั้งชาวต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาติตะวันตกที่เข้าสู่หน้าหนาว และชาวไทยที่อยู่ในภาวะอัดอั้นจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยืดเยื้อ และแม้ว่าจะเริ่มมีการผ่อนคลายตั้งแต่ช่วง 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ในหลายพื้นที่ยังประสบกับปัญหาฝนตก น้ำท่วม ทำให้การท่องเที่ยวในประเทศยังเร่งขึ้นได้ไม่เต็มที่
สำหรับหุ้นที่ได้ประโยชน์เรียงตามลำดับความน่าสนใจ ดังนี้
First Tier VVIP : AOT ถือได้ว่าเป็นหุ้นแถวแรกที่ได้ประโยชน์โดยตรงตั้งแต่ก้าวแรกของการเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติ จากรายได้กิจการการบินที่จะเร่งตัว รายได้ค่าเช่าที่จะกลับมาฟื้นตัว
First Tier : หุ้นกลุ่มโรงแรมที่น่าจะถึงเวลาเก็บเกี่ยว หลังจากผ่านพ้นช่วงแห่งความยากลำบากและการเตรียมพร้อม ทั้งด้านการบริหารจัดการต้นทุน และการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะเป็นการเปิดรับนักท่องเที่ยวในช่วง High season เป็นครั้งแรกหลังจากที่ประเทศไทยเผชิญโควิด-19 ที่มีระลอกใหม่เข้ามาในทุกช่วงเทศกาลตั้งแต่สงกรานต์ ปี 2563 (MINT CENTEL ERW AWC)
Second Tier : กลุ่มการบริโภคในประเทศที่แม้จะฟื้นตัวจากกำลังซื้อในประเทศได้แล้วระดับหนึ่ง แต่จะเร่งตัวจากกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กลับเข้ามา (CPN CPALL) และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากภาวะเศรษฐกิจที่เข้าสู่จุดฟื้นตัว (KBANK BBL)
Third Tier : หุ้นในกลุ่มสื่อสาร (ADVANC DTAC) ถือเป็นหุ้นแถวสามที่มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน จากรายได้การให้บริการเครือข่าย ลูกค้าระบบเติมเงิน ที่จะฟื้นตัวตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ และกลุ่มโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่มีฐานลูกค้าเป็นชาวต่างชาติ (BH)
ASPS จับตา Fund flow ไหลเข้าหุ้นไทยเพิ่ม หลังรัฐเตรียมเปิดประเทศ
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด (ASPS) เปิดเผยว่า ประเมิน Fund flow มีโอกาสไหลเข้าตลาดหุ้นไทยจาก Sentiment การเปิดประเทศ ทั้งนี้ในเดือน ก.ย.64 ถึงปัจจุบัน เม็ดเงินต่างชาติไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับที่ฝ่ายวิจัยนำเสนอมาตลอด คือ ช่วงเวลาที่ Fund Flow มีโอกาสไหลกลับมาในตลาดหุ้นไทยมักจะเป็นช่วงที่มีกระแสการเปิดประเทศ และความคืบหน้าของการรับมือโควิด-19 ในทิศทางที่ดีขึ้น สะท้อนได้จากสถิติย้อนหลัง 1 ปี Fund Flow มักจะสลับเข้ามาซื้อสุทธิตลาดหุ้นเฉพาะช่วงเวลาที่สถานะการณ์โควิด-19 ดีขึ้นเสมอ
นอกจากนี้ ในคืนที่ผ่านมา นายกฯ ประกาศว่า จะเริ่มทยอยเปิดรับนักท่องเที่ยวไม่ต้องกักตัว ในเดือน พ.ย.64 ค่าเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าฉับพลันกว่า 0.7% จนล่าสุดอยู่ที่ 33.63 บาท/เหรียญ ซึ่งถือเป็น Sentiment ที่ดีต่อตลาดหุ้นไทยที่มีโอกาสเห็นเม็ดเงินต่างชาติย้ายเข้าสู่ตลาดหุ้นมากขึ้น
ทั้ง 2 ปัจจัยล้วนเป็นการสนับสนุนว่า Fund flow ต่างชาติมีโอกาสไหลเข้าตลาดหุ้นเพิ่มเติม จากความเสี่ยงที่ลดลงของโควิด-19 คาดหวังเศรษฐกิจฟื้นตัวในอนาคต โดยเฉพาะหุ้นที่อิงกับการท่องเที่ยว และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก
หุ้นโรงแรม/ค้าปลีกเด่น หลังชัดเจนเปิดประเทศ
นอกจากนี้ ฝ่ายวิจัย ASPS ประเมินหุ้นกลุ่มที่ได้ปัจจัยบวกหลักๆ จากความชัดเจนการเปิดประเทศ คือ
กลุ่มโรงแรม : ประเมินแม้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามายังขึ้นอยู่กับนโยบายของประเทศคู่ค้าว่าเอื้อให้เกิดการเดินทางมากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะจีน อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิจัยมองว่า Time line การเปิดประเทศที่ชัดเจนจะสร้างความเชื่อมั่นและการวางแผนเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ อีกทั้งเร็วกว่าสมมติฐานฝ่ายวิจัยที่มองไว้ว่าจะเกิดขึ้นช่วงครึ่งปีหลัง 65 คาดว่าจะเห็นผลบวกที่ชัดเจนช่วง Q1/65 ที่โดยปกติเป็น High season ของท่องเที่ยวไทย
โดยโรงแรมที่ได้อานิสงส์มากสุดคือ ERW ที่มีสัดส่วนรายได้ราว 90% มาจากโรงแรมในไทย ตามด้วย CENTEL ที่มีรายได้จากโรงแรมไทยราว 80% ของรายได้โรงแรมและ MINT ที่โครงสร้างโรงแรมมาจากยุโรปเป็นหลัก แต่มีภาพการฟื้นตัวเร็วกว่าไทย ภายใต้ประมาณการเดิม ปรับไปใช้ FV ปี 2565 แนะนำ ซื้อ CENTEL(FV@B43), MINT(FV@B36) และERW(FV@B3.7) ปรับคำแนะนำจากขาย เป็นซื้อเก็งกำไร ตามธีม Restart Thailand
กลุ่มค้าปลีก : คาดกลุ่มผู้ขายแอลกอฮอล์จะได้ประโยชน์ หลักๆ คือ กลุ่มร้านสะดวกซื้อ CPALL รวมถึง MAKRO รวมถึงหุ้นผู้นำธุรกิจค้าปลีก CRC (FV@B35.2) ฝ่ายวิจัย ชื่นชอบ CPALL (FV@B65.5) ภาพรวมธุรกิจจากนี้ เห็นปัจจัยที่เข้ามาหนุน นำโดยจากการผ่อนคลายกิจกรรมเศรษฐกิจของรัฐที่เริ่มทยอยกลับมา หลังสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศดีขึ้น หากเริ่มยกเลิกเคอร์ฟิว การกลับมาเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ตามด้วยทยอยเปิดประเทศดังกล่าว Q4/64 อาจจะเห็นการหักล้างผลกระทบช่วงรอยต่อการปรับโครงสร้างธุรกิจค้าปลีกขยับ CPRD (Lotus’s) ไปอยู่ภายใต้ MAKRO ผ่านการแลกหุ้นกับผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งจะส่งผลให้ CPALL ถือหุ้น MAKRO ลดลง แต่จะเป็นจุดต่ำสุด
นอกจากนี้ ฝ่ายวิจัยจึงทำการคัดกรองหุ้นรับกระแสเปิดประเทศ โดยแบ่งออกเป็น 2 ธีม
1.หุ้นรับกระแสเปิดประเทศราคายัง Laggard เป็นหุ้นขนาดใหญ่ราคา Laggard แต่มีโอกาสฟื้นตัวเด่นกว่าตลาดในระยะกลาง-ยาว คือ MINT MAJOR PLANB VGI ADVANC BDMS CPALL CRC PTT TOP KBANK TISCO CPN LH AOT BEM BTS
2.หุ้นรับกระแสเปิดประเทศมีโอกาสฟื้นแรง เป็นหุ้นเปิดเมือง Beta สูง ราคามีโอกาสขยับขึ้นได้เร็วในช่วงสั้น คือ AAV BA BH WHA AMATA CENTEL MINT ERW