บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยเดือน พ.ย.64 ยังผันผวน แม้จะได้แรงหนุนจากการเข้าเก็งกำไรหุ้นธีมเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิด-19 หนุนภาพรวมเศรษฐกิจฟื้น แต่ยังต้องจับตาสถานการณ์ความเชื่อมั่น-เศรษฐกิจใน ประเทศและต่างประเทศในช่วงปลายปีต่อเนื่อง จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวดัชนีที่ 1,570-1,650 จุด ชูกลยุทธ์ลงทุนหุ้นธีมเปิดเมือง-ปลดล็อก LTV
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือนนี้คาดว่าจะแกว่งตัวผันผวน โดยจะมีแรงซื้อหุ้นกลุ่ม Reopening จากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี 64 และมีผลดีต่อเนื่องไปยังปี 65
โดยทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานผลสำรวจเรื่องผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ต่อภาคธุรกิจไทยในเดือน ต.ค.64 ว่า ธุรกิจโดยรวมทรงตัวจากเดือนก่อน แต่เห็นสัญญาณดีขึ้นเล็กน้อยในภาคการผลิตและการค้าจากการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้ดีขึ้น และการทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุม ทำให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น และการเพิ่มเม็ดเงินกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐช่วยให้ความเชื่อมั่นและการบริโภคปรับดีขึ้น ประกอบกับการเก็งกำไรการรายงานผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/64 ของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยประกาศออกมาในช่วงต้นเดือนนี้
ส่วนปัจจัยที่ยังคงต้องจับในเดือนนี้ เช่น การแถลงสถานการณ์ด้านราคาสินค้าและบริการของกระทรวงพาณิชย์ สภาธุรกิจตลาดทุนไทยแถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและอัปเดตสถานการณ์ลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แถลงข้อมูลสรุปภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 7/64 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์
รวมทั้งสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ไตรมาส 3/64 ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร จ.กระบี่ กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจ และดัชนีความเชื่อมั่น ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย รวมทั้งสถานการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศ และการส่งสัญญาณด้านโยบายการเงินของเฟด และสถานการณ์ราคาน้ำมัน ซึ่งกลุ่มโอเปกพลัสจะมีการประชุมในวันนี้
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้น Reopening Play ได้แก่
กลุ่มท่องเที่ยว เช่น MINT, ERW, CENTEL, AWC, SHR, AOT, AAV และ BA
กลุ่มขนส่ง เช่น BEM และ BTS
กลุ่มห้างสรรพสินค้า เช่น CPN, CRC และ MBK
กลุ่มร้านอาหาร เช่น AU, M และ ZEN
กลุ่มค้าปลีก CPALL, BJC และ MAKRO
รวมทั้งหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก ธปท.คลายกฎ LTV เน้นลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ แต่ซื้อขายที่ระดับ P/E ต่ำ ได้แก่ LH, QH, AP, SPALI, SIRI, ORI, LALIN, PSH และ LPN
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินแนวโน้มราคาทองคำในเดือน พ.ย.นี้ ว่า ยังได้รับแรงกดดันจากเฟดที่ยังคงเดินหน้าดำเนินนโยบายการเงินตามแผนที่ได้ส่งสัญญาณไว้ก่อนหน้าว่าจะเริ่มลดวงเงิน QE ภายในสิ้นปีนี้ และคาดว่าจะสิ้นสุดการลดวงเงิน QE ภายในกลางปี 65 ซึ่งแปลว่าเฟดอาจทยอยลดวงเงิน QE เดือนละ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยแบ่งเป็นการลดการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลเดือนละ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จากวงเงินปัจจุบันที่ 8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน และการลดการเข้าซื้อหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน เดือนละ 0.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จากวงเงินปัจจุบันที่ 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน ซึ่งจะส่งผลให้วงเงิน QE ทั้งหมดที่ 1.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือนในปัจจุบันหมดลงในช่วงกลางปีหน้าตามที่เฟดได้ส่งสัญญาณไว้ ทำให้ราคาทองคำอาจย่อตัวลงระยะสั้น แต่เนื่องจากตลาดรับข่าวการดึงสภาพคล่องดังกล่าวไปบ้างแล้วทำให้ตลาดคลายความกังวลและอาจจะค่อยๆ รีบาวนด์กลับ
นอกจากนี้ มองว่าในช่วงเดือนสุดท้ายของปียังต้องจับตาตัวเลขภาคแรงงาน และอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ซึ่งคาดการณ์ว่าภาคแรงงานอาจจะมีการจ้างานเพิ่มขึ้นไม่มากแต่อัตราการว่างงานกลับลดลง เป็นผลมาจากหลายเดือนก่อนหน้าที่ยอดจ้างงานเร่งตัวขึ้นสูง จนทำให้ปัจจุบันอัตราว่างงานเหลือราวๆ 5 ล้านตำแหน่ง หรือ 3.3% ส่วนเงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังมีโอกาสเร่งตัวสูงขึ้นเนื่องจากหลายประเทศในตะวันตกกำลังเข้าสู่ฤดูหนาวจะทำให้ความต้องการใช้พลังงานเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจปัจจัยหนึ่งทีหนุนให้เงินเฟ้อเร่งตัวได้ สอดคล้องกับยอดผู้ติดเชื้อจะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงฤดูดังกล่าวและจะเป็นปัจจัยที่หนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้ ฝ่ายวิจัยประเมินกรอบทองคำในเดือนนี้ 1,770-1,830 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ โดยแนะนำให้หาจังหวะ long เมื่อดัชนีปรับตัวลงใกล้แนวรับ