ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เผยผลสำรวจตลาดบ้านมือสอง พบ Q2/64 มูลค่าที่อยู่อาศัยมือสองประกาศขายทุกประเภทรวมกว่า 8.5 แสนล้านบาท ระบุ กทม. แชมป์ประกาศขายบ้านมือสองกว่า 48,331 หน่วย คิดเป็น 42.1% ชี้กลุ่มที่อยู่อาศัยระดับราคา 3-65 ล้านบาท มีการประกาศขายมากสุด
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคาร และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยมือสองไตรมาส 2 ปี 64 (เม.ย.-มิ.ย.) พบว่า มีหน่วยประกาศขายเฉลี่ย 114,668 หน่วยต่อเดือน ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 64 ซึ่งมีจำนวนเฉลี่ย 114,794 หน่วย โดยมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือนที่ประกาศขาย 818,939 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 ปี 64 ซึ่งมีมูลค่าเฉลี่ย 749,651 ล้านบาทต่อเดือน
สำหรับประเภท ที่อยู่อาศัยมือสองที่มีหน่วยประกาศขายมากที่สุดในไตรมาส 2/64 เรียงตามหน่วยที่ประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนมากที่สุด ประกอบด้วย 1.บ้านเดี่ยว 42,187 หน่วย คิดเป็น 36.8% 2.ห้องชุด จำนวน 38,523 หน่วย คิดเป็น 33.6% 3.ทาวน์เฮาส์ จำนวน 28,329 หน่วย คิดเป็น 24.7% 4.อาคารพาณิชย์ 3,813 หน่วย คิดเป็น 3.3% และ 5.บ้านแฝด จำนวน 1,816 หน่วย คิดเป็น 1.6% อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบ้านเดี่ยว และบ้านแฝดมีหน่วยประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แต่ ห้องชุด ทาวน์เฮาส์ และอาคารพาณิชย์ กลับมีจำนวนหน่วยประกาศขายเพิ่มขึ้น
ใน ด้านมูลค่าพบว่า ที่อยู่อาศัยมือสองที่ประกาศขายบนเว็บไซต์ในไตรมาส 2 ปี 64 โดยเรียงลำดับตามมูลค่าที่ประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนมากที่สุด พบว่า บ้านเดี่ยวมีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 415,815 ล้านบาท โดยมีแชร์ 50.8% ห้องชุดมีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 283,782 ล้านบาท มีแชร์ 34.6% ทาวน์เฮาส์ มูลค่าเฉลี่ย 92,063 ล้านบาท แชร์อยู่ 11.2% อาคารพาณิชย์ มูลค่า 21,144 ล้านบาท มีแชร์ที่ 2.6% 5.บ้านแฝด มีมูลค่าเฉลี่ย 6,135 ล้านบาท มีแชร์ 0.7%
“บ้านเดี่ยว ห้องชุด ทาวน์เฮาส์ และอาคารพาณิชย์มีมูลค่าประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ในขณะที่บ้านแฝด มีมูลค่าประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนลดลง”
ส่วนทำเลที่มีการประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนใน กทม.มากที่สุดใน 10 ลำดับแรก จำนวน 48,331 หน่วย คิดเป็น 42.1% ส่วนจังหวัดที่มีจำนวนหน่วยประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนมากที่สุด สำหรับลำดับที่ 2-10 ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ ชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต ประจวบคีรีขันธ์ ระยอง และสุราษฎร์ธานี ตามลำดับ โดยแต่ละจังหวัดมีสัดส่วนจำนวนหน่วยที่ประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนไม่ถึง 10% ทั้งนี้ จังหวัดในกรุงเทพฯ ปริมณฑลเกือบทั้งหมด (ยกเว้นนครปฐม และสมุทรสาคร) และเป็นจังหวัดท่องเที่ยวหลักที่มีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยอยู่เป็นจำนวนมากอยู่ใน 10 ลำดับแรกเช่นเดียวกับไตรมาสที่ผ่านมา
สำหรับระดับราคาที่อยู่อาศัยมือสองทุกประเภทที่มีการประกาศขายในไตรมาส 2 ปี 64 ที่มีจำนวนหน่วยประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนมากที่สุดในระดับราคา 3.01-5.00 ล้านบาท โดยมีจำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือน 21,099 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ย 18.4% รองลงมาเป็นระดับราคา 2.01-3.00 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือน 18,057 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 15.7% และลำดับที่สาม คือ ระดับราคามากกว่า 10 ล้านบาท มีจำนวน 17,386 หน่วย คิดเป็น 15.2% ทั้งนี้ ระดับราคาที่มีจำนวนหน่วยประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนน้อยที่สุดคือ ราคา 7.51-10.00 ล้านบาท มีหน่วยเฉลี่ย 7,043 หน่วย คิดเป็น 6.1%
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ได้ให้ ข้อสังเกตไว้ว่า การที่มีจำนวนหน่วยบ้านมือสองจำนวนกว่า 110,000 หน่วย ซึ่งมีมูลค่ากว่า 800,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบ้านเดี่ยว ห้องชุด และทาวน์เฮาส์ และหากนับรวมกับหน่วยเหลือขายของบ้านใหม่อีกกว่า 290,000 หน่วย ซึ่งมีมูลค่ากว่า 1.2 ล้านล้านบาทแล้ว จะเห็นได้ว่าในขณะนี้มีบ้านรอขายจำนวนหน่วยรวมกันไม่น้อยกว่า 400,000 หน่วย และมีมูลค่ารวมมากกว่า 2 ล้านล้านบาท นับเป็นข้อมูลที่สะท้อนให้เห็นปริมาณอุปทานที่อยู่อาศัยในตลาดให้ผู้ประกอบการได้รับทราบถึงสถานการณ์แข่งขันที่เข้มข้นอย่างมากจากนี้ไป
เพราะนอกจากผู้ประกอบการต้องแข่งขันกันเองแล้ว ผู้ประกอบการยังต้องแข่งขันกับผู้ขายที่เคยเป็นลูกค้าของตนอีกด้วย ซึ่งบ้านมือสองนับได้ว่าเป็นสินค้าทดแทนที่สำคัญในตลาดที่อยู่อาศัย ดังนั้น การดำเนินการโครงการใหม่ๆ คงจะต้องทำการสำรวจซัปพลายของทั้ง 2 ตลาดควบคู่กัน เพื่อให้มั่นใจว่าการเปิดโครงการใหม่จะมีดีมานด์ที่ต้องการหาที่อยู่อาศัยใหม่ และสามารถตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยได้ตรงประเด็น แต่อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจำนวนบ้านมือสองได้สะท้อนโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจของตลาดบ้านมือสองอีกด้วย