กลุ่มบริษัทในเครือ ปตท. 7 บริษัท โชว์กำไรไตรมาส 2/64 รวมอยู่ที่ 6.89 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกัน 206% ส่วนงบครึ่งแรกปี 64 มีกำไรรวม 1.37 แสนล้านบาท พุ่ง 8,374% PTTGC นำทีมกำไรพุ่งกว่า 1,300% ด้านโบรกฯ ระบุ PTT กำไรโต YoY จากการดำเนินงานที่ดีขึ้นของบริษัทลูก ทั้งราคาน้ำมันและเคมีภัณฑ์ที่สูงขึ้น และในธุรกิจก๊าซ แต่ประเมินแนวโน้ม 3Q อ่อนแอจากกำไรคลังสินค้าโรงกลั่นและเคมีภัณฑ์ที่จะหายไป แถมธุรกิจก๊าซคาดยอดขายลดลงตามฤดูกาล แต่ยังคง แนะนำ "ซื้อ"
บริษัทในเครือ ปตท.จำนวน 7 บริษัท เปิดผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/64 มีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 68,976 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 206.12% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 22,532 ล้านบาท เหตุมีกำไรสต๊อกน้ำมันสูง ส่งผลให้ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 64 มีกำไรสุทธิ 137,707 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,374% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,625 ล้านบาท
โดยไตรมาส 2/64 บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT มีกำไร 24,578 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 104% 2.บริษัท พีทีที โกลบอลเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTCG กำไรสุทธิ 25,034 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,398% 3.บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด มหาชน หรือ PTTEP กำไรสุทธิ 7,139 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.15 4.บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กำไรสุทธิ 3,224 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 520%
5.บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP กำไรสุทธิ 2,122 ล้านบาท ลดลง 14.43% 6.บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC กำไรสุทธิ 4,574 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,213% และ 7.บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC กำไรสุทธิ 2,302 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21%
ทิสโก้-กรุงศรี มองแนวโน้ม Q3 อ่อนแอ แต่แนะนำ “ซื้อ”
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ จาก บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า PTT รายงานกำไรสุทธิ 2Q21 2.46 หมื่นล้านบ -25% QoQ แต่ +104% YoY กำไรหลักอยู่ที่ 3.01 หมื่นล้านบาท +1% QoQ และ +162% YoY ใกล้เคียงกับที่เราคาดไว้ กำไร non-core ถูกฉุดด้วยค่าใช้จ่ายภาษีที่สูงกว่าที่คาดของ PTTEP ความผันผวนของกำไรจากบริษัทลูกส่งผลให้งบออกมาอ่อนแอ QoQ ส่วนการเติบโต YoY มาจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นของบริษัทลูก (ราคาน้ำมันและเคมีภัณฑ์ที่สูงขึ้น) และในธุรกิจก๊าซ (มาร์จิ้นดีขึ้นในส่วนของ GSP) กำไรสุทธิ 6M21 คิดเป็น 52% ของเป้าปีนี้
ขณะที่ EBITDA สำหรับธุรกิจก๊าซหลักเติบโตเพียง 2% QoQ ใน 2Q21 สวนการเติบโต QoQ 4% ของยอดขาย ราคาน้ำมันและเคมีภัณฑ์ที่สูงขึ้น โดยมีสาเหตุมาจากการปรับยอดขายหนึ่งครั้งราว 600 ล้านบาท (จากกำไร 700 ล้านบาท ในช่วง 1Q21) ที่ Supply & Marketing (S&M) ส่วน Gas Separation Plants (GSP) ยังได้รับโยชน์จากราคาขายที่สูงใน 2Q21 โดยต้นทุนวัตถุดิบราคาเพิ่มขึ้น 6% QoQ ใน 2Q21 แต่ EBITDA เพิ่มขึ้น 19% QoQ ปริมาณและมาร์จิ้นขยายตัวหนุน YoY สำหรับการค้าระหว่างประเทศ EBITDA ลดลง 20% QoQ และ 27% YoY เนื่องจากปริมาณและมาร์จิ้นที่ลดลง
ประเมินแนวโน้ม 3Q อ่อนแอ คาดกำไรจากคลังสินค้าโรงกลั่นและเคมีภัณฑ์จะหายไปส่งผลต่อกำไรสุทธิ ส่วนพรีเมียม ราคา และมาร์จิ้นคาดกดดันการดำเนินงานหลักในบริษัทลูก ส่วนธุรกิจก๊าซคาดยอดขายลดลง QoQ ตามฤดูกาล GSP คาดจะมีมาร์จิ้นและยอดขายลดลงจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และยอดขายที่ลดลงจากแผนการปรับปรุงการผลิตใน Q3
ยังคงแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าเหมาะสมที่ 52 บาท
ด้านบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ จาก บล.กรุงศรี ระบุ กำไรสุทธิ 2Q ต่ำกว่าคาดการณ์ของเราและตลาด 3% และ 9% ธุรกิจก๊าซแข็งแกร่งจากปริมาณขายก๊าซที่สูงขึ้น (+4% qoq เป็น 4,751mmscfd) จากการผลิตไฟฟ้า (+5% qoq สำหรับ IPP, SPP, EGAT) เนื่องจากความต้องการที่แข็งแกร่งในฤดูร้อน และการดำเนินงาน GSP ดีขึ้นจากปริมาณขาย (+1% qoq) และราคาผลิตภัณฑ์อ้างอิงสูงขึ้น EBITDA จากธุรกิจปิโตรฯและโรงกลั่น (P&R) ทรงตัว qoq จากโรงกลั่นอ่อนแอลงแต่ได้กำไรสต๊อกชดเชย และส่วนต่างปิโตรฯที่แข็งแกร่ง EBITDA เติบโต 10% qoq เป็น 1.13 แสนล้านบาท; ธุรกิจ E&P สร้าง EBITDA 4.2 หมื่นล้าาบาท +32% qoq ธุรกิจก๊าซ 2.2 หมื่นล้านบาท +2% qoq
ส่วนธุรกิจ P&R 3.34 หมื่นล้านบาท ทรงตัว qoq และธุรกิจน้ำมัน 5.6 พันล้านบาท (-14% qoq) PTT บันทึกกำไรสต๊อก 6.8 พันล้านบาท (จาก 8.9 พันล้้้านาบาท ใน 1Q) ขาดทุนป้องกันความเสี่ยง 1.26 หมื่นล้านบาท (จากขาดทุน 7.4 พันล้านบาท ใน 1Q) และกำไรอัตราแลกเปลี่ยน 873 ล้านบาท (จากขาดทุน 4.3 พันล้านบาท ใน 1Q)
การดำเนินงาน 3Q อ่อนแอลง คาดปริมาณขายก๊าซอ่อนแอลง qoq ใน 3Q เนื่องจากการล็อกดาวน์ การดำเนินงานของ GSP อ่อนแอลง qoq จากการปิดซ่อมบำรุง GSP3 (6 วัน) และ GSP6 (26 วัน) และราคาผลิตภัณฑ์อ้างอิง (PE, PP) ลดลง
คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย SoTP ที่ 46.0 บาทต่อหุ้น ราคาหุ้น PTT อยู่ในระดับส่วนลด 33% จาก NAV เทียบกับเฉลี่ย 10% ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ในมุมมองของเราส่วนลดในระดับนี้มากเกินไป จากกระแสเงินสดของ PTT ที่เพิ่มขึ้น (2.57, 3.19 และ 3.96 แสนล้านบาทใน 2021-23) และ ROE (11.8%, 13.0% และ 12.9%) ในปี 2021-23
ดีบีเอสฯ แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 53 บาท
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ จาก บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส เปิดเผยว่า กำไรสุทธิ2Q64 PTT เท่ากับ 2.46 หมื่นล้านบาท เติบโต +104%YoY แต่ -25%QoQ ต่ำกว่าตลาดคาด 11% ปัจจัยที่ทำให้กำไรลดลง QoQ คือ กำไรบริษัทในเครือที่ทำธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมีลดลง กำไรจาก PTTEP อ่อนลง และมีขาดทุนจากการทำประกันความเสี่ยง แต่ธุรกิจก๊าซของ PTT ดีขึ้น YoY และแข็งแกร่ง QoQ
ขณะที่ Norm profit 2Q64 เท่ากับ 2.54 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น +380%YoY แต่ -31%QoQ
ส่วนแนวโน้ม 3Q64F คาดว่าจะอ่อนลง QoQ เพราะค่าการกลั่นลดลง (ต้นทุนสูงขึ้น อุปสงค์ชะลอตัวหลังโควิด-19 ระบาดระลอกใหม่) ปริมาณขายน้ำมันลดลงจากการล็อกดาวน์และ PTT มีปิดซ่อมบำรุงโรงแยกก๊าซ GSP3 และ GSP6แต่ธุรกิจอะโรเมติกส์ดีขึ้นจากสเปรด PX ที่เพิ่มขึ้น +12%QTD
คงคำแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานให้ไว้ 53 บาท ส่วนในเชิงกลยุทธ์การซื้อใหม่เน้นเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัว