ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป อวดกำไรงวดนี้ 2,342.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำไว้ 1,716.22 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น 37% เนื่องจากผลประกอบการดีขึ้นทั้งกลุ่มธุรกิจหลักและการฟื้นตัวของ Red Lobster เหตุผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาและบางประเทศในทวีปยุโรปเริ่มมีกิจกรรมนอกบ้านมากขึ้น ขณะบอร์ดอนุมัติปันผลหุ้นละ 0.45 บาท
นายธีรพงศ์ จันศิริ กรรมการบริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU แจ้งงบไตรมาส 2 ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 2,342.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำไว้ 1,716.22 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 37% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลประกอบการดีขึ้นทั้งกลุ่มธุรกิจหลักและการฟื้นตัวของ Red Lobster
ขณะที่มียอดขาย 35,883 ล้านบาท สูงขึ้นถึง 8.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจำกยอดขายอาหารทะเลแช่แข็ง
และแช่เย็นเพิ่มสูงขึ้น 28.7% อีกทั้งยอดขายอาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าสูงขึ้น 12.5% ขณะยอดขายกลุ่มอาหารทะเลแปรรูปลดลง 6.8% จากไตรมาส 2/2563 โดยยอดขายรวมยังเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 11.4% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2562 ก่อน COVID-19
เนื่องจากผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาและบางประเทศในทวีปยุโรปเริ่มมีกิจกรรมนอกบ้านมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจบริการด้านอาหารและค้าปลีกในสหรัฐอเมริกามีการฟื้นตัว ช่วยให้ยอดขายธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งและแช่เย็นของ TU อยู่ที่ 14,869 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 28.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นช่วงที่สถานการณ์การแพร่ระบาดส่งผลกระทบอย่างหนักต่อธุรกิจร้านอาหารในสหรัฐฯ และยุโรป อีกทั้งรับประโยชน์จากการที่ธุรกิจเรดล็อบสเตอร์ซึ่งเป็นธุรกิจเชนร้านอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำผลงานได้ดีขึ้นมากในไตรมาสที่ผ่านมา
สำหรับกำไรขั้นต้นของบริษัทฯ ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 6,805 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.9% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปีก่อน และสูงขึ้น 26.9% จากไตรมาส 2/2562 ช่วงก่อน COVID-19 บริษัทฯ ยังรักษาอัตรากำไรในระดับสูงได้ เพราะมาร์จิ้นของอาหารทะเลแช่แข็งเพิ่มขึ้น อีกทั้งความต้องการผลิตภัณฑ์กลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าที่สูงขึ้น โดยอัตรากำไรขั้นต้นธุรกิจอาหารแปรรูปยังอยู่ในระดับที่สูงเช่นกัน
ทั้งนี้ เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา TU ได้ทำสัญญาซื้อหุ้นอีก 49% ที่เหลือของบริษัท รูเก้น ฟิช (Rügen Fisch AG) รวมถือหุ้น 100% โดยรูเก้น ฟิช มีสำนักงานใหญ่อยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเยอรมนี ล่าสุดมีผลประกอบการสูงกว่า 140 ล้านยูโร หรือประมาณกว่า 5,600 ล้านบาท และเป็นผู้นำตลาดอาหารทะเลกระป๋องในประเทศเยอรมนี
นายธีรพงศ์ กล่าวถึงครึ่งแรกปี 64 TU ยังคงดำเนินแผนกลยุทธ์ในการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่เน้นในเรื่องของนวัตกรรมรวมถึงสตาร์ทอัปอย่างต่อเนื่อง โดยมีการลงทุนใน บริษัท วิอาควา บริษัททางด้านเทคโนโลยีชีวภาพที่พัฒนาการจัดการโรคในสัตว์น้ำ บริษัท บลูนาลู ที่พัฒนาโปรตีนอาหารทะเลจากเซลล์เพาะเลี้ยง และบริษัท อเลฟ ฟาร์มส์ ที่พัฒนาเนื้อสเต๊กจากการเพาะเลี้ยงเซลล์
พร้อมแจ้งมติคณะกรรมการบริษัทว่าได้ อนุมัติการขายที่ดินของบริษัท เอเซียนแปซิฟิคแคน จำกัด บริษัทย่อยของ TU ให้แก่ บริษัท ซิเรนิตี้แคปปิตอล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่เกี่ยวโยงกัน พื้นที่ 69 ไร่ 54.4 ตารางวา ที่สมุทรสาคร มูลค่า 379,971,456 บาท ทั้งนี้ ราคาขายเป็นราคาต้นทุนที่ซื้อที่ดินมา 348,860,256 บาท บวกเพิ่ม 8.92% โดยมีราคาขายเปรียบเทียบกับที่ดินประกาศขายใกล้เคียงอยู่ระหว่างตารางวาละ 13,000 บาท ถึง 15,000 บาท คาดนำเงินที่ได้ไปลงทุนซื้อที่ดินบริเวณที่ใกล้โรงงานเดิมยิ่งขึ้น เพื่อความสะดวกในการขยายโรงงานและรองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในอนาคตของบริษัท เอเซียนแปซิฟิคแคน จำกัด
อีกทั้งอนุมัติการจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดอัตราหุ้นละ 0.45 บาท กำหนดจ่าย 7 กันยายนนี้