ไทยยูเนี่ยนประสบความสำเร็จในการออกหุ้นกู้มูลค่า 5,000 ล้านบาท ให้นักลงทุนสถาบัน ชนิดระบุชื่อผู้ถือ อายุ 7 ปี ดอกเบี้ย 2.47% ต่อปี ส่งเสริมความยั่งยืนครั้งแรกในประเทศไทย ด้านกรุงศรีอยุธยา ปลื้มย้ำพันธกิจด้าน ESG ส่งเสริมความยั่งยืน
การออกหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกในประเทศไทย หลังจากที่ไทยยูเนี่ยน ได้ออกสินเชื่อส่งเสริมความยั่งยืนเป็นครั้งแรกในประเทศไทยด้วยเช่นกันในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แสดงถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องต่อการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และเป็นก้าวสำคัญสำหรับ Blue Finance (การจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อมหาสมุทร และอุตสาหกรรมอาหารทะเลโดยรวม)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนนี้ อยู่ที่ระดับ “A+” แนวโน้ม “คงที่” เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2564 ซึ่งแสดงถึงสถานะทางการตลาดที่เข้มแข็งของไทยยูเนี่ยนในฐานะผู้ผลิตอาหารทะเลแปรรูปชั้นนำของโลกที่มีสถานะการเงินและธุรกิจที่แข็งแกร่งและมั่นคง โดยมีธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ และ เป็นที่ปรึกษาด้านโครงสร้างหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืนร่วมกับ MUFG Securities Asia Limited หนึ่งในบริษัทหลักทรัพย์ของกลุ่ม Mitsubishi UFJ Financial Group, Inc. (MUFG)
การเสนอขายหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนของบริษัทในครั้งนี้ มีจำนวนยอดจองซื้อมากกว่า 8,900 ล้านบาท หรือมากกว่า 2.23 เท่า ทำให้บริษัทพิจารณาเพิ่มมูลค่าการออกหุ้นกู้จากที่วางแผนไว้ที่ 4,000 ล้านบาท เป็น 5,000 ล้านบาท ผลการตอบรับจากนักลงทุนที่ดีในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อธุรกิจและสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของไทยยูเนี่ยน รวมถึงความตั้งใจที่จะลงทุนในด้านความยั่งยืน
สำหรับหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนไม่เพียงแต่จะเป็นครั้งแรกในประเทศไทย แต่ยังเป็นครั้งแรกของโลกที่มีลักษณะทางการเงินแบบ Step up/Step down ซึ่งเป็นโครงสร้างแรกที่มีอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงขึ้นอยู่กับความสำเร็จของการดำเนินงานสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืน โดยมีการเชื่อมโยงอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้กับเป้าหมายด้านความยั่งยืน (Sustainability Performance Targets หรือ SPTs) ตาม 3 ประการหลัก ในปี 2566 และ ปี 2569 ประกอบด้วย SPT 1 คือ การขึ้นทะเบียนใน DJSI Emerging Markets และได้รับการจัดอันดับเป็น 10 บริษัทแรก (Top 10 companies) ของ DJSI Food Products Industry Index SPT 2 คือ การลดความเข้มข้นของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด ซึ่งรวมถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง (Scope 1) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้พลังงาน (Scope 2) ให้ได้ร้อยละ 4 ต่อปี และ SPT 3 คือ การเพิ่มการตรวจสอบด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ และ/หรือมีผู้สังเกตการณ์ตรวจสอบบนเรือประมงปลาทูน่า โดยผู้ลงทุนในหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนของบริษัทในครั้งนี้จะมีโอกาสได้รับอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง ในปี 2566 และ ปี 2569 ทั้งนี้ บริษัทได้จัดให้มีการสอบทานจากภายนอกสำหรับการออกหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน โดย Sustainalytics ซึ่งเป็นผู้ชำนาญการอิสระ (Second Party Opinion) เพื่อทำการสอบทานและรับรองว่ากรอบการเสนอขายตราสารหนี้ส่งเสริมความยั่งยืนของบริษัท (Thai Union’s Sustainability-Linked Financing Framework) เป็นไปตามมาตรฐานสากล
นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ไทยยูเนี่ยนให้ความสำคัญกับการทำงานด้านความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด ซึ่งการออกหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญของนโยบายของบริษัท Healthy Living, Healthy Oceans ในการที่จะดูแลความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คนและความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล ซึ่ง Blue Finance ครั้งนี้ยังสะท้อนให้เห็นว่าเราสามารถร่วมกับภาคการเงินในการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยให้เราสามารถอนุรักษ์ท้องทะเลได้อย่างต่อเนื่อง ไปพร้อมกับการผลิตสินค้าอาหารที่ดีมีคุณค่าต่อสุขภาพให้ผู้บริโภคทั่วโลกไปพร้อมกัน”
“นอกจากนี้ ไทยยูเนี่ยนยังได้กำหนดกรอบการเสนอขายตราสารหนี้ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-Linked Financing Framework) ขึ้นเป็นครั้งแรก ตอกย้ำความมุ่งมั่นของไทยยูเนี่ยนในการขับเคลื่อนสู่การเป็น Blue Finance หรือการบริหารการเงินที่เกี่ยวข้องกับโครงการอนุรักษ์มหาสมุทรและเชื่อว่าการทำงานด้านความยั่งยืนจะต้องนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงให้อุตสาหกรรมโดยรวม”
ดร.ศรีกัญญา ยาทิพย์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือ กบข. กล่าวว่า “กบข. มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นหนึ่งในผู้ลงทุนในหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนที่ออกครั้งแรกในประเทศไทยโดยบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กบข. ได้ตระหนักถึงกิจกรรมและการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนของบริษัท ไทยยูเนี่ยน มาโดยตลอด และมีความยินดีที่จะเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งให้ไทยยูเนี่ยน การลงทุนในครั้งนี้ตอกย้ำเป้าหมายของ กบข. ในการเป็นผู้นำการลงทุนและส่งเสริมริเริ่มการลงทุนโดยคำนึงถึงปัจจัย ESG ในประเทศไทย กบข. เชื่อมั่นในปรัชญาความยั่งยืนและมีเป้าหมายที่จะเป็นกองทุนบำเหน็จบำนาญที่ยั่งยืน และสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้สมาชิก รวมถึงรับผิดชอบต่อสังคม”
“การลงทุนอย่างรับผิดชอบโดยให้ความสำคัญกับปัจจัยสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance Issues : ESG) เป็นกลยุทธ์ที่ดำเนินมาอย่างยาวนานของ กบข. ทั้งนี้ ในฐานะกองทุนบำเหน็จบำนาญ การลงทุนของเรามีระยะเวลายาวเพียงพอที่จะสร้างทั้งคุณค่าทางสังคมและมูลค่าเพิ่มทางการเงิน การสร้างคุณค่าทางสังคมไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นหน้าที่ของกบข. ซึ่ง กบข. มุ่งมั่นที่จะแนะนำแนวทางให้นักลงทุนในประเทศไทยสามารถนำกลยุทธ์การลงทุนอย่างยั่งยืนนี้มาใช้กันมากขึ้น”
นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เมืองไทยประกันชีวิต มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการลงทุนในหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนครั้งแรกในประเทศไทยของไทยยูเนี่ยน ในครั้งนี้ อีกทั้งยังเป็นเครื่องสะท้อนสำคัญถึงพันธกิจหลักขององค์กรที่มีความมุ่งมั่นและให้ความสำคัญกับการสร้างความยั่งยืนในระยะยาว พร้อมทั้งการเดินหน้านโยบายต่างๆ ด้วยความตั้งใจในการส่งมอบความสุข โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ได้แก่ ลูกค้า พนักงาน พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ถือหุ้น และสังคมในทุกด้าน เป็นต้น ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ ช่องทางการขายที่หลากหลาย ผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มได้อย่างเหมาะสม รวมไปถึงการดูแลสังคมเพื่อสร้างความยั่งยืนในด้านต่างๆ อย่างรอบด้าน”
“ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังได้ดำเนินการลงทุนโดยให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance : ESG) เพื่อให้เกิดความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง เหมาะสมและสอดคล้องกับลักษณะธุรกิจประกันชีวิตที่มีความรับผิดชอบและภาระผูกพันในระยะยาวต่อผู้ถือกรมธรรม์ ขณะเดียวกัน ก็ต้องตอบสนองด้านความยั่งยืนต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม บริษัทฯ จึงได้ใช้แนวคิดการลงทุนอย่างยั่งยืนในการพิจารณาลงทุนตามความเหมาะสมแล้วจัดสรรเงินลงทุนเพื่อลงทุนในสินทรัพย์ที่สนับสนุนด้าน ESG อย่างต่อเนื่อง”
นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การออกหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญบนเส้นทางสู่การธนาคารที่ยั่งยืนของกรุงศรี ความสำเร็จในการนำหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนออกสู่ตลาดทุนไทยตอกย้ำพันธกิจด้าน ESG และความมุ่งมั่นของธนาคารในการตอบสนองความต้องการทางการเงินของลูกค้า ควบคู่ไปกับการส่งเสริมและพัฒนาหุ้นกู้ให้เป็นสินทรัพย์ชั้นนำในประเทศไทย ด้วยการริเริ่มนวัตกรรมทางการเงินนี้ ไทยยูเนี่ยนสามารถตอบโจทย์ความต้องการทางการเงินเพื่อสร้างความเติบโตให้ธุรกิจ พร้อมไปกับการขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่เป้าหมายในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม”
“หุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นถึงการผสานพลังความร่วมมืออันแข็งแกร่งของกรุงศรีและ MUFG อย่างต่อเนื่อง โดยใช้ศักยภาพความพร้อมของทั้ง 2 สถาบันในการสนับสนุนและเชื่อมโยงทุกความต้องการของลูกค้าให้บรรลุเป้าหมายทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ”
นายริชาร์ด ยอร์ค กรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าฝ่ายลูกค้าบรรษัทและวาณิชธนกิจ เอเชียแปซิฟิก ธนาคาร เอ็มยูเอฟจี จำกัด (MUFG Bank) กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับโอกาสในการร่วมงานกับไทยยูเนี่ยนอีกครั้ง ในการขับเคลื่อนธุรกิจระดับโลกสู่ความยั่งยืน การเสนอขายหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ที่ MUFG ได้ยกระดับความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านการเงินในด้าน ESG สนับสนุนไทยยูเนี่ยน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ MUFG เพื่อนำไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนสำหรับลูกค้าและชุมชนของเรา”
“การออกหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนที่ประสบความสำเร็จนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถเข้าใจในลูกค้า ซึ่งเมื่อรวมกับความเชี่ยวชาญในเรื่อง ESG ของเครือข่าย MUFG และเครือข่ายการจัดจำหน่ายอันแข็งแกร่งทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกแล้ว สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ MUFG เพิ่มมูลค่าที่สำคัญให้แก่ความมุ่งมั่นสู่ความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยนได้ ขอแสดงความยินดีกับไทยยูเนี่ยนอีกครั้งสำหรับความสำเร็จครั้งนี้” นายริชาร์ด ยอร์ค ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับภูมิภาคส่วนงานตลาดทุนใน MUFG Securities Asia ด้วย กล่าวเสริม