xs
xsm
sm
md
lg

ซิตี้แบงก์คาดจีดีพีโลกโต 5% มองบวกลงทุนหุ้น คงน้ำหนักกลุ่ม ESG

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย เผยข้อมูลคาดการณ์เศรษฐกิจโลกครึ่งหลังปี 2564 จะมีการฟื้นตัวหลากหลายรูปแบบ เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 คาดขยายตัวที่ 5% ในปีนี้และขยายตัวที่ 4.5% ในปี 2565 รับแรงหนุนจากภาคธุรกิจบางส่วนที่เริ่มกลับมาเปิดใหม่ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่มากขึ้นในหลายประเทศ ตลอดจนภาครัฐที่สนับสนุนการขยายตัวของภาคบริการในวงกว้าง ในขณะที่ภาพรวมการลงทุนยังคงเผชิญความท้าทายสูงต่อเนื่อง แต่ซิตี้ยังมีมุมมองบวกต่อหุ้น แนะกระจายการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมหลากหลาย โดยให้น้ำหนักในภูมิภาคเอเชีย ยุโรป ละตินอเมริกา และสหราชอาณาจักรที่ยังมีโอกาสเติบโตสูง รวมถึงแนะการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท พร้อมเฝ้าติดตามสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน และประเด็นสำคัญของสถานการณ์โลกที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาผลประโยชน์พอร์ตลงทุนในระยะยาว

นายซาเมียร์ เดชพานดิ หัวหน้าที่ปรึกษาการลงทุนระดับภูมิภาค ซิตี้แบงก์ เอเชียแปซิฟิก และตะวันออกกลาง
กล่าวว่า ภาพรวมระบบเศรษฐกิจทั่วโลกในช่วงครึ่งหลังปี 2564 แม้ว่ายังไม่สามารถกลับไปเท่าจุดก่อนที่มีการระบาดได้ แต่จะเป็นการฟื้นตัวหลากหลายรูปแบบในแต่ละภูมิภาค จากปัจจัยแรงหนุนจากภาคธุรกิจบางส่วนที่เริ่มกลับมาเปิดใหม่ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่มากขึ้นในหลายประเทศ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการคลังทั่วโลกที่มีประสิทธิภาพ ภาครัฐที่สนับสนุนการขยายตัวของภาคบริการในวงกว้างมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทในการช่วยชีวิตผู้คนมากขึ้นอีกด้วย โดยคาดว่าภาพรวมเศรษฐกิจโลกปี 2564 จะขยายตัวที่ 5% และขยายตัวที่ 4.5% ในปี 2565 นำโดยสหรัฐฯ คาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ 6% และจีนที่คาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ 8% ขณะที่ธนาคารกลางทั่วโลกจะยังดำเนินนโยบายการเงินการคลังในระดับต่ำจนกว่าภาคธุรกิจจะกลับมาดำเนินการได้ใกล้เคียงปกติ

ส่วนตลาดหุ้นทั่วโลกที่นำโดยสหรัฐฯ และจีน เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับช่วงสิ้นปี 2562 ก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 รวมถึงมูลค่าหุ้นทั่วโลกเพิ่มขึ้นอีก 10% ในปี 2564 จนถึงปัจจุบัน อีกทั้งระยะเวลาข้างหน้าต่อจากนี้จะอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ซึ่งนักวิเคราะห์ซิตี้พบว่ามีโอกาสในการลงทุนระยะสั้นในอุตสาหกรรมหลายประเภทที่จะได้รับประโยชน์จากการสิ้นสุดของการระบาดใหญ่ของโควิด-19 อีกทั้งการลงทุนระยะยาวในอีกหลายอุตสาหกรรมที่จะเร่งตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่อาจกดดันตลาดได้ เช่น ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีนที่อาจเลวร้ายลง เนื่องจากการแข่งขันทางการค้าที่สำคัญระหว่าง 2 ประเทศที่อาจมีนัย และส่งผลกระทบ ตลอดจนการโจมตีทางไซเบอร์บนโครงสร้างพื้นฐานของโลกยังคงเป็นความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีการลงทุนที่เพิ่มขึ้นนั้นเพื่อลดความเสี่ยงในโลกไซเบอร์ก็ตาม ดังนั้น นักลงทุนควรจับตาประเด็นสำคัญของสถานการณ์โลกที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาผลประโยชน์พอร์ตลงทุนในระยะยาว

ด้าน นายดอน จรรย์ศุภรินทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวว่า ภาพรวมการลงทุนยังคงเผชิญความท้าทายสูง แต่นักวิเคราะห์ซิตี้ยังมีมุมมองบวกต่อหุ้น ดังนั้น แนะนำกระจายการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมหลากหลาย เช่น เทคโนโลยี การดูแลสุขภาพ เทคโนโลยีดิจิทัลไลเซชัน และอสังหาริมทรัพย์ โดยให้น้ำหนักในกลุ่มภูมิภาคเอเชีย ยุโรป ละตินอเมริกา และสหราชอาณาจักรที่ยังมีโอกาสเติบโตสูง เมื่อเทียบกับตลาดภูมิภาคอื่นๆ รวมถึงแนะนำการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภทโดยยังคงเน้นน้ำหนักการลงทุนในในตราสารทุนหลากหลายภูมิภาค พร้อมกระจายการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ เช่น ตราสารหนี้ในตลาดเกิดใหม่เอเชีย ตราสารหนี้ไฮยิลด์ พันธบัตรสหรัฐอเมริกา เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวเป็นสินทรัพย์หนึ่งที่มีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น ตลอดจนกองทุนรวมทั่วโลกที่เน้นการลงทุนแบบ ESG ที่มีอัตราการเติบโตของสินทรัพย์ที่ค่อนข้างมาก เนื่องด้วยผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับการลงทุนที่มุ่งเน้นด้านการพัฒนาสังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาลเพื่อความยั่งยืนกันมากขึ้น ทั้งนี้ ESG เป็นหนึ่งในรูปแบบการลงทุนที่ซิตี้ให้ความสำคัญในปี 2564 โดยซิตี้คาดว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกจะส่งผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานต่างๆ ในอนาคต ตลอดจนนวัตกรรมเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าและประสิทธิภาพของพลังงานทางเลือกมีแนวโน้มเติบโตเป็นอย่างมากในไม่กี่ปีข้างหน้า

โดยในไตรมาส 3 นี้ ซิตี้มีการเสนอขายกองทุนใหม่ให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนำไปสู่การเติบโตด้านการลงทุน โดยสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) มีการเติบโตเป็นที่น่าพึงพอใจ มีการเติบโตในกลุ่มซิตี้โกลด์ และซิตี้ไพรออริตี้ ซึ่งมีความสนใจการลงทุนในต่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้น พร้อมเพิ่มความสะดวกแก่ลูกค้าซิตี้โกลด์ ด้วยการบริหารความมั่งคั่งผ่านซิตี้ โมบาย แอปพลิเคชัน ให้สามารถทำการซื้อ-ขายกองทุนได้ด้วยตัวเอง การตรวจสอบความเคลื่อนไหวของพอร์ตการลงทุน การโอนเงินผ่านทางพร้อมเพย์ไปยังต่างธนาคาร หรือโอนเงินไปยังบัญชีต่างประเทศได้ง่ายๆ รวมถึงสามารถเปิดบัญชีสกุลเงินต่างประเทศได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีข้อเสนอพิเศษรับซื้อและขายกองทุนผ่านซิตี้ โมบาย แอปพลิเคชัน รับเครดิตเงินคืนค่าธรรมเนียมการซื้อ 10% หรือสูงสุด 100,000 บาท เมื่อมียอดซื้อกองทุนรวมที่ร่วมรายการขั้นต่ำรวม 100,000 บาท รวมถึงรับเครดิตเงินคืนสูงสด 15,800 บาท เมื่อเปิดบัญชีใหม่และมีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตซิตี้ และรับดอกเบี้ยเงินฝากประจำสูงสุด 2% ต่อปี ตั้งแต่ 1 กรกฎาคมจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2564
กำลังโหลดความคิดเห็น