บมจ.แอสเซทไวส์ โชว์ยอดขายครึ่งปีแรกแตะ 2,540 ล้านบาท ชู “แบรนด์เคฟ” หนุนยอดจองคึกคัก ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ด้วยกลยุทธ์ขายออนไลน์ พร้อมโปรโมชันโดนใจ ฟากซีอีโอ "กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์" ระบุเกาะติดสถานการณ์โควิด-19 อย่างใกล้ชิด พร้อมรับมือและปรับตัวทุกสถานการณ์ มั่นใจรายได้ปีนี้โตตามแผน 20%
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) (ASW) ผู้พัฒนาอสังหาฯ รุ่นใหม่ เติบโตด้วยกลยุทธ์ “Best Choice” เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 (ม.ค.-มิ.ย.2564) บริษัทมียอดขายสะสมแล้วกว่า 2,540 ล้านบาท โดยยอดขายประมาณ 40% มาจากยอดขายในแบรนด์เคฟ (KAVE) เนื่องจากเป็นแบรนด์ที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมายหลัก รวมทั้งได้มีการปรับตัว โดยนำกลยุทธ์การขายแบบออนไลน์ รวมถึงการออกแคมเปญที่สร้างแรงจูงใจเพิ่มขึ้น สามารถสร้างยอดขายได้อย่างดีเยี่ยม แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัวจากแรงกดดันของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 อย่างไรก็ตามเชื่อมั่นว่ารายได้ปี 2564 จะอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อน จากที่มีรายได้ 4,205 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลังยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ขณะที่ ASW ยังเตรียมความพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น สร้างแผนงานเชิงรุกที่ปรับตัวสู้โควิด-19 อย่างต่อเนื่อง โดยในครึ่งปีหลังมี 2 โครงการที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์รับรู้รายได้ ได้แก่ โครงการ “เคฟ ทียู” (Kave TU) มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท มียอดขายกว่า 90% ที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จและพร้อมเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ และโครงการ “โมดิซ สุขุมวิท 50” (Modiz Sukhumvit 50) มูลค่าโครงการ 2,100 ล้านบาท ที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4 ปีนี้ตามเป้าที่ตั้งไว้
และยังคงเดินหน้าเพื่อเปิดโครงการใหม่ตามแผนงานที่วางไว้ โดยในช่วงครึ่งปีหลัง มูลค่าโครงการรวม 9,700 ล้านบาท ประกอบไปด้วย “แอทโมซ บางนา” (Atmoz Bangna) มูลค่าโครงการ 2,200 ล้านบาท โครงการ “เคฟ เอวา” (Kave Ava) มูลค่าโครงการ 2,400 ล้านบาท โครงการ “โมดิซ ไรห์ม คลาวด์” (Modiz Rhyme Cloud) มูลค่าโครงการ 3,700 ล้านบาท โครงการ “โมดิซ ศรีราชา” (Modiz Sriracha) มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท และโครงการบ้านภูริปุรี ลาดพร้าว 41 โฮมออฟฟิศ (Baan Puri Puri Ladprao 41-Home Office) มูลค่าโครงการ 87 ล้านบาท
รวมทั้งยังคงมองหาโอกาสในธุรกิจใหม่ๆ อย่างเสมอ เช่น การเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคเป็นเจ้าของบ้านและคอนโดมิเนียมทุกโครงการในเครือ ผ่านการแลกสกุลเงินดิจิทัล หรือคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) เป็นเงินบาท เพื่อใช้ในการซื้อบ้านและคอนโดมิเนียมในเครือแอสเซทไวส์ เพื่อนำเทคโนโลยีเข้ามาต่อยอดธุรกิจและปรับตัวสู่นวัตกรรมทางการเงินสมัยใหม่ได้อย่างรวดเร็วในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา และการศึกษาการลงทุนและความร่วมมือในรูปแบบต่างๆ เพื่อผลักดันการเติบโตและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้นได้ต่อเนื่อง