โดย ทีมจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด
ถึงแม้ว่าในไตรมาสที่ 2/2021 ตลาดหุ้นไทยได้เผชิญกับเหตุการณ์สำคัญ ได้แก่ การระบาดของไวรัส COVID-19 ระลอกที่สามซึ่งแพร่ระบาดในวงกว้างมากกว่าระลอกที่หนึ่งและสองที่เกิดขึ้นในปีที่แล้วอย่างมาก โดยมีจำนวนผู้ป่วยใหม่รายวันระดับ 2,000-3,000 รายต่อวันอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ระบบสาธารณสุขอยู่ในระดับวิกฤตและต้องทำการปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจเฉพาะจุด (Partial Lockdown) ในหลายพื้นที่ ภายใต้สถานการณ์ที่การกระจายวัคซีนทำได้ล่าช้ากว่าโดยเปรียบเทียบ
อย่างไรก็ตาม การระบาดครั้งนี้เกิดขึ้นในจังหวะที่เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวจากการระบาดในปีก่อน นำโดยประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Countries) ซึ่งประสบความสำเร็จในการระดมฉีดวัคซีนครอบคลุมในวงกว้างจนเริ่มเปิดเศรษฐกิจในประเทศได้อีกครั้ง ประกอบกับภาคการผลิตของไทยโดยเฉพาะเพื่อการส่งออกยังทำงานได้เป็นอย่างดี ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ฟื้นตัวขึ้น ซึ่งทำให้รายได้ภาคการเกษตรยังคงมีทิศทางเชิงบวก สวนทางกับสถานการณ์เมื่อปีที่แล้วที่เศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลกพร้อมกัน ภาคการผลิตหยุดชะงักจากการล็อกดาวน์ทั่วโลก ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตกต่ำ แม้โดยสรุปแล้วประมาณการการเติบโตของ GDP ไทยในปีนี้ต้องถูกปรับลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ตลาดหุ้นไทยยังคงเดินหน้าปรับตัวสูงขึ้นได้ เนื่องจากในที่สุดแล้วประเทศไทยจะได้เจอทางออกเฉกเช่นเดียวกับประเทศที่ควบคุมการระบาดของโรคและมีการฉีดวัคซีนได้มากเพียงพอ และควบคู่ด้วยการใช้มาตรการภาครัฐเข้ามาเยียวยาและฟื้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เราได้เห็นกันมาก่อนหน้านี้แล้ว และตลาดหุ้นถือเป็นดัชนีชี้นำ (Leading Indicator) การฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจจริงเสมอ
ถึงแม้ในเชิงภาคเศรษฐกิจจริงจะเห็นการฟื้นตัวเมื่อมองไปข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม ในเชิงของตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงหุ้นไทยนั้นมีประเด็นความเสี่ยงในระยะสั้นที่มาจากภาคของนโยบายทางการเงิน ซึ่งอัดฉีดสภาพคล่องอย่างมากในระบบเศรษฐกิจไปก่อนหน้านี้ โดยหากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวอย่างเป็นลำดับ พร้อมทั้งการมาของเงินเฟ้อ ทางธนาคารกลางเองก็มีความจำเป็นน้อยลงในการใช้การผ่อนคลายทางการเงินในระดับปัจจุบันเดิม การลดลงของสภาพคล่องที่เคยช่วยผลักดันตลาดหุ้นบนความคาดหวังของการฟื้นตัวไประดับหนึ่งแล้วอาจกลับขาทำให้หุ้นมีการปรับฐานลงมา ในมุมมองของเรา จังหวะการปรับฐานของตลาดหุ้นจากประเด็นดังกล่าวถือเป็นโอกาสในการลงทุนตราบเท่าที่กำไรของบริษัทจดทะเบียนยังสามารถเติบโตได้ดีอยู่ เนื่องจากสามารถชดเชยเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นได้ดีกว่าสินทรัพย์อื่นโดยเปรียบเทียบ ซึ่งทิศทางดังกล่าวเชื่อว่ากำลังเกิดขึ้นโดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปี 2021
โดยภาพรวมแล้ว บลจ.ทิสโก้ยังคงมีมุมมองในเชิงบวกต่อการลงทุนในหุ้นไทยในปี 2021 และมองเป้าหมาย SET Index ปี 2021 ที่ระดับ 1,600 จุด มี Upside มากขึ้น หลังจากการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2021 ของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาในเชิงบวกมากขึ้น รวมถึง Fund Flow ที่เริ่มไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทย กลยุทธ์การลงทุนยังคงให้น้ำหนักการเลือกหุ้นรายบริษัทมากขึ้นจากกลยุทธ์ทางธุรกิจของบริษัทเป็นสำคัญ เนื่องจากการปรับตัวสูงขึ้นของดัชนีมาแล้วในระดับหนึ่ง โดยให้น้ำหนักการลงทุนมากกว่าตลาดในหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว หุ้นกลุ่มบรรจุภัณฑ์และปิโตรเคมี กลุ่มพาณิชย์และค้าปลีก กลุ่มการเงิน กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ชดเชยกับน้ำหนักการลงทุนที่น้อยกว่าตลาดในกลุ่มขนส่ง กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์