ตลาดหุ้นควรผ่านทะลุ 1,650 จุดไปแล้ว แต่ต้องสะดุดหยุดลงเพราะถูกกระหน่ำด้วยข่าวร้ายปัจจัยลบ ทั้งจากภายในและภายนอก ฉุดดัชนีหุ้นปักหัวลง จนอาจหลุดแนวรับระดับ 1,600 จุดอีกครั้ง
ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนมีความหวังว่า ดัชนีหุ้นจะฝ่าแนวต้าน 1,650 จุดไปได้ เพราะแนวโน้มตลาดหุ้นกลับสู่ช่วงขาขึ้น โดยมีแรงหนุนจากการรณรงค์ฉีดวัคซีนให้ประชาชน จนเตรียมนับย้อนหลังเพื่อเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ โบรกเกอร์หลายสำนักเตรียมขยับปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนีหุ้นปลายปี ส่วนใหญ่ประเมินจะยืนเหนือ 1,650 จุด และบางสำนักมองไปไกลถึงระดับ 1,700 จุด เพราะคาดว่า สถานการณ์โควิด-19 จะดีขึ้น การท่องเที่ยวจะเริ่มฟื้น เศรษฐกิจกระเตื้องหลังรัฐบาลระดมฉีดวัคซีน
เป้าหมายรัฐบาลจะฉีดวัคซีน 100 ล้านโดส หรือ 50 ล้านคน จะได้รับวัคซีนครบ 2 โดส หรือ 75% ของจำนวนประชากรทั้งหมดภายในสิ้นปี 2564
แต่วัคซีนเกิดปัญหาไม่มาตามนัด จำนวนที่ได้รับไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้ต้องเลื่อนการฉีดวัคซีน และนำไปสู่ความไม่มั่นใจว่ารัฐบาลจะฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ตามแผนหรือไม่
การเปิดประเทศภายใน 120 วัน นับจากวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีประกาศไว้จะเป็นไปได้หรือ
ถ้าวัคซีนมีปัญหา ไม่สามารถฉีดตามเป้าหมายที่รัฐบาลประกาศไว้ แผนการเปิดประเทศอาจต้องเลื่อนออกไป การท่องเที่ยวจะฟื้นตัวช้า เศรษฐกิจอาจซบเซายาวนานขึ้น ดังนั้นตลาดหุ้นครึ่งปีหลังอาจไม่สดใสตามที่คาดหวัง
นอกจากนั้น ความวิตกกังวลในภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐฯ จนนำไปสู่การประชุมคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ และส่งสัญญาณจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น โดยคาดว่า ปีหน้าสหรัฐฯ จะขึ้นดอกเบี้ย และลดขนาด QE ลง ทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นในตลาดนิวยอร์ก ฉุดให้ดัชนีดาวโจนส์ร่วงแรงติดต่อหลายวัน
จากความหวังจะได้เห็นดัชนีหุ้น 1,650 จุด แต่ความกังวลในการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และความไม่มั่นใจว่ารัฐบาลจะจัดหาวัคซีนมาได้ทัน จนอาจทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน นำไปสู่การเทขายหุ้นตามมา โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติที่กลับมาขายหุ้นทิ้งอีก
แนวโน้มตลาดหุ้นที่กำลังเป็นขาขึ้น พลิกกลับสู่ขาลง และอาจลงต่ำกว่า 1,600 จุดได้ ถ้าตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังพุ่ง และวัคซีนยังมีปัญหา
มุมมองในเชิงบวกเกี่ยวกับทิศทางตลาดหุ้นครึ่งปีหลังอาจต้องทบทวนกันใหม่ เพราะผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในปีหน้า ทำให้ค่าดอลลาร์แข็ง ดึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์วูบลง โดยเฉพาะทองคำ และยังมีผลกระทบจากปัญหาวัคซีนซ้ำเติมเข้ามาอีก
แม้โบรกเกอร์ไม่ได้ส่งสัญญาณปรับลดประมาณการเป้าหมายดัชนีหุ้นปลายปีนี้ลง แต่นักลงทุนต้องระมัดระวังความแปรปรวนในตลาดหุ้น ไม่มองโลกในแง่ดีเกินไป
เพราะมีหลายปัจจัยที่ต้องติดตามเพื่อกำหนดกลยุทธ์การลงทุนครึ่งปีหลังให้สอดคล้องกับสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย และแนวโน้มการเคลื่อนย้ายทุนออกของต่างชาติ หลังจากสหรัฐฯ ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย
วัคซีนที่เคยเป็นความหวังของนักลงทุน วันนี้กลายเป็นปัจจัยลบที่ฉุดตลาดหุ้น จนไม่รู้ว่า แนวรับ 1,600 จุด จะเอาอยู่หรือไม่
และแนวโน้มครึ่งปีหลังหุ้นอาจไม่สดใสอย่างที่คิดกันไว้ก็ได้