บล.คันทรี่ กรุ๊ป (CGS) ประเมินว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) อาจมีจังหวะของการปรับฐานจากจิตวิทยาลบต่างประเทศแต่เชื่อว่าจะไม่ปรับตัวลงลึกมาก เพราะในประเทศยังมีปัจจัยบวก
ทั้งนี้ ภายหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) พบว่าผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (US Bond Yield) อายุยาว (10, 20, 30 ปี) ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ US Bond Yield อายุสั้นปรับขึ้น ซึ่งการปรับตัวขึ้นของ US Bond Yield อายุสั้นเชื่อว่าเป็นการปรับตามนโยบายดอกเบี้ยของเฟด แต่การปรับลงของพันธบัตรระยะยาวเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความคาดหวังเงินเฟ้อของตลาด รวมถึงมุมมองด้านเศรษฐกิจของตลาดในอนาคตที่เป็นลบ ซึ่งสอดคล้องกับความคาดหวังเงินเฟ้อสหรัฐฯ 10 ปีจากนี้ที่ปรับตัวลงอย่างมีนัย
ดังนั้น กลุ่มที่เป็นตัวป้องกันเงินเฟ้ออย่างพวก Commodity มีโอกาสที่จะเห็นการปรับฐานได้ สอดคล้องกับราคา Commodity หลายตัวที่เริ่มปรับฐานลงมา เช่น กากถั่วเหลือง ทองคำ ทองแดง อย่างไรก็ตาม จะเป็นบวกกับหุ้นที่มีต้นทุน เป็น Commodity เช่น อิเล็กทรอนิกส์ (HANA KCE) เลี้ยงสัตว์ (CPF GFPT TFG)
ส่วนปัจจัยในประเทศความคืบหน้าของการเปิดประเทศยังคงเข้ามาต่อเนื่องเมื่อวานนี้นายกรัฐมนตรีได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กใจความว่าการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาได้โดยไม่มีเงื่อนไขยุ่งยากจนเกินไปในช่วง ต.ค.จะยังคงดำเนินต่อไป รวมไปถึงทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) อนุญาตให้ร้านสะดวกซื้อใน กทม.กลับมาเปิดได้ 24 ชั่วโมง ส่วนร้านอาหารให้รับประทานได้ถึง 23.00 น.แต่ยังห้ามดื่มแอลกอฮอล์
สำหรับมาตรการทาง กทม. มองเป็นบวกต่อ BJC CPALL CRC โดยเฉพาะ CPALL ที่มีสาขา 7-11 กรุงเทพฯ และปริมณฑลคิดเป็นสัดส่วน 44% ของสาขาทั้งหมด ดังนั้น จากทั้งหมดเราประเมินว่า SET อาจมีจังหวะของการปรับฐานจากจิตวิทยาลบต่างประเทศแต่เชื่อไม่ลึกมากเพราะในประเทศมีปัจจัยบวก
ส่วนปัจจัยสัปดาห์นี้ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และวันเดียวกัน (23 มิ.ย.) จะมีการแถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของเดือน พ.ค. ซึ่งการประชุม กนง. เชื่อว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่แนะนำติดตามมุมมองเศรษฐกิจ ส่วนตัวเลขการค้าระหว่างประเทศ Bloomberg คาดมูลค่าส่งออก +35%YoY นำเข้า +54%YoY หากดีกว่าคาดจะเป็นบวกกับตลาด
กลยุทธ์การลงทุน เพิ่มความระมัดระวังต่อกลุ่ม Commodity แต่มองหุ้นได้ประโยชน์ เช่น อิเล็กทรอนิกส์ (DELTA HANA KCE) เลี้ยงสัตว์ (CPF GFPT TFG)
ส่วนจังหวะการปรับฐานของดัชนีให้มองเป็นโอกาสสะสมกลุ่ม Domestic Play เช่น ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) รถไฟฟ้า (BTS BEM) ธนาคาร (KBANK) สื่อนอกบ้าน (PLANB VGI) ศูนย์การค้า (CPN) ตามปัจจัยบวกจากการทยอยเปิดเมืองช่วงครึ่งปีหลัง
CPALL (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 67 บาท) มีปัจจัยบวกจากการที่ กทม. ประกาศให้ร้านสะดวกซื้อกลับมาเปิดได้ 24 ชั่วโมง ซึ่งบริษัทจะได้ประโยชน์โดยตรงจากการที่มีสาข่า กทม.และปริมณฑลคิดเป็นสัดส่วนถึง 44% ของสาขาทั้งหมด ขณะที่ราคาหุ้นที่ปรับฐานลงมา 12.5% จากจุดสูงสุดก่อนหน้าเชื่อรับปัจจัยลบไปหมดแล้วจากนี้แนะรอการฟื้นตัว
MEGA (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 43 บาท) คาดผลประกอบการ 2Q21 เติบโต YoY จากการขยายตลาดไปยังพม่า เวียดนาม และแอฟริกา ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันค่อนข้างถูก ซื้อขายเพียง 23.5x Trailing PE ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 26.7x