วันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ได้ประกาศการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือน พ.ค. ปรากฏว่าเพิ่มขึ้นเพียง 5.59 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่าตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 6.45 แสนตำแหน่ง ถือเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลกเนื่องจากจะทำให้ FED ยังมีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไป
ส่วนปัจจัยสัปดาห์นี้ได้แก่
(1) วาระ Vaccine แห่งชาติของประเทศไทยที่จะเริ่มฉีดตั้งแต่ 7 มิ.ย.เป็นต้นไป เราแนะนำติดตามตัวเลขการฉีด Vaccine ต่อวันเชื่อจะมีนัยมากกว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวัน หากเห็นจำนวนฉีดต่อวันที่สูงขึ้นเรื่อยๆ คาดตลาดจะตอบรับเชิงบวก สำหรับความคืบหน้าใน กทม. ข้อมูลล่าสุดจากทางผู้ว่าฯ กทม. ระบุว่า กทม. มีศักยภาพฉีดได้ถึงวันละ 7 หมื่นคน/วัน ทั้งนี้หากเป็นไปตามเป้าหมายที่ทาง กทม. วางไว้จะใช้ระยะเวลาราว 78 วันที่จะฉีด Vaccine ครอบคลุม 100% ของประชากร กทม. ดังนั้นเชื่อว่าจากนี้มาตรการควบคุมการระบาดโดยเฉพาะพื้นที่ กทม. จะค่อยๆ ผ่อนคลายหนุนกลุ่ม Domestic โดดเด่นต่อเนื่อง เช่น ค้าปลีก (BJC CPALL CRC) ร้านอาหาร (CENTEL M MINT) ศูนย์การค้า (CPN) โรงภาพยนตร์ (MAJOR) รถไฟฟ้า (BEM BTS)
(2) การรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ (CPI) ในวันที่ 10 มิ.ย. Bloomberg ประเมิน +4.7%YoY และ Core CPI +3.4%YoY เรายังเชื่อว่าเป็นผลจากฐานที่ต่ำในปีที่แล้ว กอปรกับหากพิจารณาความคาดหวังเงินเฟ้อสหรัฐฯ 5 ปีจากนี้เริ่มปรับตัวลงสอดคล้องกับทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปีที่ปรับตัวลงบ่งชี้ว่าตลาดไม่ได้กังวลกับเงินเฟ้อเท่าใดนัก ดังนั้น จาก 2 ปัจจัยข้างต้นทำให้เราเชื่อว่าสัปดาห์นี้ SET จะปรับตัวขึ้นได้กรอบ 1,600-1,630 จุด
กลยุทธ์การลงทุนคงคำแนะนำถือ Domestic Play ต่อเนื่องเพื่อรอรับปัจจัยบวกจากการค่อยๆ ผ่อนคลายมาตรการ รวมถึงเชื่อว่าครึ่งปีหลังจะเริ่มเห็นการเปิดรับต่างชาติมากขึ้น ส่วนนักลงทุนที่ยังไม่ได้สะสมให้เน้นตัวที่ยัง Laggard เช่น ธนาคารพาณิชย์ (KBANK) ศูนย์การค้า (CPN) เครื่องดื่ม (TACC) ร้านอาหาร (M) สื่อ (PLANB VGI) สื่อสาร (ADVANC) ค้าปลีก (BJC CPALL CRC) สนามบิน (AOT)
KBANK (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 169 บาท) มองราคาหุ้นที่ปรับฐานลงมา 20% จากจุดสูงสุดเดิมสะท้อนปัจจัยลบการระบาดระลอกสามรวมถึงการลดน้ำหนักใน MSCI ไปแล้ว ขณะที่หาก Vaccine เริ่มกระจายเชื่อจะหนุนเศรษฐกิจฟื้นตัวรวมถึงกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะรับประโยชน์
CPN (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 59 บาท) เชื่อราคาหุ้นปรับฐานลงมา 20% จากจุดสูงสุดก่อนหน้าสะท้อนปัจจัยลบจากการะบาดระลอกสามและผลประกอบการที่จะอ่อนแอในช่วง 2Q21 ไปแล้ว ขณะที่เชื่อว่าตลาดจะเริ่มหันมาให้น้ำหนักกับการฟื้นตัวจากนี้หนุนจากการกระจาย Vaccine โดยในช่วงเวลาปกติที่ประเทศไทยควบคุมโควิด-19 ได้ดี CPN ถือเป็นกิจการที่ฟื้นตัวได้ค่อนข้างไวทั้งในเชิงผลประกอบการและผู้ใช้บริการ