ส.ไทยรับสร้างบ้านแนะรัฐเร่งฉีดวัคซีนสร้างความเชื่อมั่น เผยเปิดประเทศไม่ส่งผลเชิงบวกต่อธุรกิจรับสร้างบ้าน

ส.ไทยรับสร้างบ้านมองภาครัฐเปิดประเทศภายใน 120 วัน ดันท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหารได้รับอานิสงส์ ไม่ส่งผลบวกต่อธุรกิจรับสร้างบ้าน แต่ในระยะยาวหากลูกค้าชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศได้ง่ายขึ้น อาจช่วยกระตุ้นตลาดให้ฟื้นตัว ชี้จำเป็นต้องเร่งฉีดวัคซีนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นดันกำลังซื้อภายในประเทศก่อนตลาดซึมยาว

นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมกิตติมศักดิ์ สมาคมไทยรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่นายกรัฐมนตรีประกาศเปิดประเทศภายใน 120 วัน หรือประมาณต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเรื่องของการท่องเที่ยว โรงแรมและภาคบริการต่างๆ แต่ในภาคส่วนของธุรกิจอสังหาฯ โดยเฉพาะธุรกิจรับสร้างบ้านเชื่อว่านโยบายเปิดประเทศของรัฐบาลครั้งนี้ ไม่ได้มีผลกระทบทั้งในเชิงบวกหรือลบ เพราะเชื่อว่าชาวต่างชาติหรือผู้จะเดินทางเข้าประเทศหลังเปิดประเทศนั้นส่วนใหญ่มีจุดประสงค์เพื่อพักผ่อนหรือท่องเที่ยว หรือต้องเดินทางเข้าประเทศด้วยเหตุจำเป็นต่างๆ โดยไม่ได้มีความต้องการที่อยู่อาศัยแบบถาวรในประเทศในระยะต้น

หากมองภาพต่อไปในอนาคต อาจส่งผลให้สามารถเดินทางเข้าออกประเทศได้สะดวกขึ้น ซึ่งปีที่ผ่านมา ลูกค้าที่อยู่อาศัยในต่างประเทศและไม่สามารถเดินทางกลับมาเข้าประเทศได้ ทำให้ต้องเลื่อนหรือชะลอการตัดสินใจออกไป หากเปิดประเทศในระยะยาวก็อาจเป็นปัจจัยบวก ที่ทำให้ลูกค้าที่อยู่อาศัยในต่างประเทศสามารถเดินทางกลับเข้ามา และตัดสินใจสร้างบ้านได้เพิ่มขึ้น รวมถึงการนำเข้าวัสดุ อุปกรณ์จากต่างประเทศ และแรงงานที่เดินทางกลับประเทศก็จะสามารถเดินทางกลับเข้ามาทำงานได้ทำให้ปัญหาเรื่องขาดแคลนแรงงานคลี่คลายลง

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สมาคมฯ กังวล คือ เรื่องของมาตรการรองรับภายหลังการเปิดประเทศ เนื่องจากรัฐบาลยังไม่มีนโยบายหรือแนวทางรับมือที่ชัดเจนเพื่อรับนักท่องเที่ยวหลังเปิดประเทศ การเร่งเปิดอาจสร้างความเสี่ยง แต่หากภาครัฐมีมาตรการหรือแผนรองรับก็เชื่อว่าน่าจะส่งผลดีในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวได้พอสมควร ยิ่งถ้ามีการฉีดวัคซีนให้ประชากรในประเทศอย่างทั่วถึง เชื่อว่าน่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้ชาวต่างชาติมากขึ้น จะเป็นผลดีต่อตลาดรับสร้างบ้านในระยะยาวอย่างแน่นอน ซึ่งในปีที่ผ่านมา คาดการณ์ตัวเลขตลาดรับสร้างบ้านทั่วประเทศหดตัว 8-10% หรือประมาณ 1,000-1,200 ล้านบาท จากมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านรวม 12,000 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้ประเมินเป็นลูกค้าที่อยู่อาศัยในต่างประเทศ 2-3% หรือประมาณ 200-250 ล้านบาท


พร้อมกันนี้ นายสิทธิพร กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์รับสร้างบ้านในปี 2564 แม้จะชะลอตัวจากปัญหาเศรษฐกิจและโควิด-19 แต่กำลังซื้อยังคงมีอยู่ซึ่งยังเป็นกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ต่างจังหวัด ลูกค้าที่มีเงินออม หรือเจ้าของธุรกิจที่ไม่ได้รับผลกระทบได้ให้ความสนใจ และต้องการใช้บริการกับบริษัทรับสร้างบ้าน แต่นับว่ายังมีจำนวนไม่มากเท่าสถานการณ์ปกติ โดยเกือบทั้งหมดยังคงกังวลถึงสถานการณ์โควิด-19 และการกระจายวัคซีนของส่วนกลาง กลุ่มลูกค้าในต่างจังหวัดชะลอการตัดสินใจในช่วงนี้ เหตุผลสำคัญคือต้องการได้รับวัคซีนและรอดูสถาน การณ์เศรษฐกิจหลังประชากรส่วนใหญ่ของประเทศได้รับวัคซีนแล้ว หากเศรษฐกิจส่อแววฟื้นตัวหรือมีแนวโน้มที่ดีจึงจะกล้าตัดสินใจสร้างบ้าน ซึ่งผู้ประกอบการต้องมีการปรับตัว หาช่องทางในการทำตลาดเพิ่ม เพื่อปลุกกำลังซื้อความต้องการภายในประเทศให้เติบโตขึ้น หากเศรษฐกิจประเทศยังคงซบเซาต่อเนื่องหรือไม่กระเตื้องขึ้นตามคาดการณ์หรือตามนโยบายของส่วนกลาง