สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เผยแนวทางการแก้ปัญหาผลิตภัณฑ์เหล็กในงานก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น และปัญหาการบริหารงานภายใต้ยุคโควิด ขอให้ภาครัฐพิจารณาให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนและต่อเนื่อง
วันนี้ (1 มิ.ย.) รายงานข่าวระบุว่า สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เผยแนวทางการแก้ปัญหาผลิตภัณฑ์เหล็กในงานก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น และปัญหาการบริหารงานภายใต้ยุคโควิด
จากภาวการณ์ผันผวนของราคาเหล็กที่เป็นส่วนประกอบหลักของงานก่อสร้าง ตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2563 จนถึงปัจจุบันสูงขึ้นเกือบเท่าตัว ทำให้ผู้ประกอบการก่อสร้างประสบปัญหาต้นทุนที่ผันผวนสูงขึ้นอย่างผิดปกติ จากสถานการณ์ราคาเหล็กที่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง รุนแรงทั่วโลก และยังมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงขึ้นในระยะยาว อีกทั้งการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ก็ได้ซ้ำเติมปัญหาให้กับภาค อุตสาหกรรม ก่อสร้าง และกำลังจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและภาคอุตสาหกรรมของประเทศอย่างหนักหน่วง
สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเป็นตัวแทนผู้ประกอบการก่อสร้างในประเทศ ได้รับการร้องเรียนจากสมาชิกผู้ประกอบการก่อสร้างจำนวนมาก ว่า ได้รับผลกระทบจากราคาเหล็กทุกประเภทมีการปรับตัวสูงขึ้น โดยจากการตรวจสอบพบว่า ราคาเหล็กมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และ รุนแรง ตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2563 ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการก่อสร้างซึ่งผู้ประกอบการก่อสร้างไม่สามารถต่อสู้และรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ การระบาดของโรค ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เข้าซ้ำเติมผู้ประกอบการส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการโครงการ โดยเฉพาะการจัดการด้านแรงงานก่อสร้าง เนื่องจากการห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานได้ทำให้เกิดขาดแคลนแรงงาน แรงงานต่างชาติไม่สามารถทำงานได้ อีกทั้งแรงงานไทยมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ รวมไปถึงปัญหาค่าแรง ที่สูงขึ้นการจัดการแคมป์ เพื่อลดความเสี่ยง ล้วนส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการสูงมากขึ้นตามไปด้วย ผลกระทบเหล่านี้ ทำให้การดำเนินโครงการก่อสร้างไม่เป็นไปตามแผน อาจนำไปสู่การทิ้งงาน และการเลิกจ้าง งาน ซึ่งปัจจุบัน ภาคการก่อสร้างมีการจ้างงานแรงงานกว่า 3 ล้านคน และเป็นที่เชื่อได้ว่าจะ ส่งผลกระทบเป็น ลูกโซ่ไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องกับ งานก่อสร้างทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ภาครัฐ ประชาชน ภาควัสดุก่อสร้าง เครื่องจักร และการขนส่ง ซึ่งงานก่อสร้างทั้งหมด นับเป็น 8-9% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ
ดังนั้น เพื่อเป็นการบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนและวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น สมาคมฯ จึงขอให้ภาครัฐ พิจารณาให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนและต่อเนื่อง ดังนี้
มาตรการเร่งด่วน
1. พิจารณายกเลิกส่วนต่างค่าปรับราคา (ค่า K) 4% จากสูตรการคำนวณค่าปรับราคา เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 - ธันวาคม 2565 กับโครงการที่ยังมีนิติสัมพันธ์อยู่ และโครงการที่จะดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างในอนาคต ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวได้เคยถูกพิจารณาโดย มติคณะรัฐมนตรีมาแล้ว เมื่อมีความผันผวนอย่างมากของวัสดุก่อสร้างในปี พ.ศ.2551
2. ขอให้พิจารณาใช้ฐานดัชนีราคาในเดือนที่คิดราคากลางในการคำนวณค่าKแทนการใช้ดัชนี ราคาในเดือนที่เปิดซองประกวดราคา เพื่อให้สะท้อนฐานดัชนีราคาที่ใช้ในการคิด
3. พิจารณาการคิดราคากลางให้สะท้อนกับราคาเหล็กเสริมคอนกรีตที่แท้จริงในท้องตลาด โดยใช้ราคาไม่เกิน 30 วันก่อนประกาศประกวดราคา
4. พิจารณาทบทวนและกำหนดราคากลางให้กับโครงการก่อสร้างที่จะประมูลใหม่ ให้มีความใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด
5. พิจารณามาตรการเยียวยาผลกระทบจากปัญหาค่าแรงที่เพิ่มสูงขึ้น
6. พิจารณา ขยายระยะเวลาดำเนินการตามสัญญาให้กับโครงการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบ ตามแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนินการในช่วงเวลาที่ได้รับผลกระทบจากกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) ของกรมบัญชีกลาง โดยไม่ใช้ดุลพินิจ
7. พิจารณาเร่งรัดการเบิกเงินชดเชยค่า K ภายใน 60 วัน นับจากวันที่ยื่นขอเบิกจ่ายเงินชดเชย
มาตรการระยะยาว
1. พิจารณาเร่งรัดให้มีการปรับสูตรการคำนวณค่า K ให้สะท้อนโครงสร้างต้นทุนที่เป็นธรรมและใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุด