SENA ตอกย้ำเฟรมเวิร์ก “SENA Strong” เดินหน้าปรับแผน ตะลุยเปิด 18 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 16,764 ล้านบาท แย้ม Q3/64 เตรียมรีเซตโปรเจกต์ใหม่ แบรนด์ “เสนาคิทท์” ดึงกำลังซื้อเรียลดีมานด์ เจาะตลาดย่านแหล่งงาน ประเดิม “เสนาคิทท์ ฉลองกรุง-ลาดกระบัง” พรีเซลล์ต้นเดือน ก.ค.นี้ เผยไตรมาสแรกสามารถรักษากำไรอยู่ที่ 228.6 ล้านบาท โตจากช่วงเดียวกันปีก่อนบนภาวะวิกฤตโควิด-19 รอบใหม่
น.ส.อธิกา บุญรอดชู ผู้อำนวยการฝ่ายจัดสรรเงินทุนและการลงทุน บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำทั้งแนวราบและแนวสูง เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 โดยภาพรวมยังได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจและสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังสามารถรักษาฐานตลาดในเซกเมนต์ที่มีกำลังซื้อ โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทเสนาฯ ปรับแผนการเปิดโครงการใหม่ในปี 64 จากเดิมเตรียมเปิด 17 โครงการ รวมมูลค่า 15,700 ล้านบาท เพิ่มเป็น 18 โครงการ รวมมูลค่า 16,764 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 7 โครงการ และแนวสูง 11 โครงการ เพื่อให้สอดรับกับกำลังซื้อที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน ภายใต้มาตรการ “SENA Strong” โดยทางบริษัทยังมีความเชื่อมั่นว่า ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยยังเป็นปัจจัยที่สำคัญ
สำหรับช่วงไตรมาส 1/64 ที่ผ่านมา ทางบริษัทได้เปิดตัวโครงการไปแล้ว 1 โครงการ คือ เสนาคิทท์ เวสต์เกต-บางบัวทอง มูลค่าโครงการ 250 ล้านบาท โดยไตรมาส 3/64 เตรียมเปิดโครงการใหม่เพิ่ม 8 โครงการ รวมมูลค่า 6,109 กว่าล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 5 โครงการ และแนวสูง 3 โครงการ โดยเดือนกรกฎาคมเตรียมเปิดขาย “เสนาคิทท์ ฉลองกรุง-ลาดกระบัง” ราคาเริ่ม 799,000 ล้านบาท
ขณะที่ผลประกอบการไตรมาสที่ 1/64 ของบริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 228.6 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้น และการบริหารจัดการต้นทุนทางการขายที่มีประสิทธิภาพทั้งในเรื่องการขายและการบริหารจัดการโครงการ รวมถึงมีการวางกลยุทธ์ทางการตลาดในการเปิดโครงการใหม่ ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม โดยเน้นไปยังพื้นที่ที่ยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยจำนวนมาก
ในส่วนของรายได้รวมของบริษัทในช่วงไตรมาส 1/2564 ทั้งสิ้น 907.8 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 7% ซึ่งมีสาเหตุหลักจากธุรกิจให้เช่าปรับตัวลดลงเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในขณะที่รายได้จากการขายธุรกิจที่อยู่อาศัยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 623.6 ล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 10.3% เนื่องจากมีรายได้จากการขายโครงการแนวราบ รวมทั้งสิ้น 221.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 119.4 ล้านบาท หรือคิดเป็น 116.7% จาก 5 โครงการ ประกอบด้วย โครงการเสนา พาร์คแกรนด์ วงแหวน-รามอินทรา โครงการเสนาวิลล์ ลำลูกกา-คลอง 6 โครงการเสนาวิลล์ บรมราชชนนี สาย 5 โครงการเสนาวิลล์ รามอินทรา โครงการเสนา แกรนด์ โฮม รามอินทรา กม.8
ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายที่รอรับรู้รายได้จากการโอน (Backlog) คิดเป็นมูลค่า 7,399 ล้านบาท ณ สิ้น 31 มีนาคม 2564 และจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ 4,390 ล้านบาท และทยอยรับรู้ในปีถัดไปตามลำดับ