คอปเปอร์ ไวร์ด กวาดรายได้ 1,039 ล้านบาท โตกว่า 33% กําไรสุทธิ 24.99 ล้านบาท โตกว่า 115% แม้ต้องรับมือภายใต้สถานการณ์โควิด-19 แต่คงความสามารถในการทำกำไรอยางแข็งแกร่ง โดยสินค้ากลุ่ม Apple โดดเด่น ได้รับการตอบรับต่อเนื่องจากปลายปีก่อน โดยปัจจุบัน CPW มีสาขาภายใต้การบริหารแล้ว 45 สาขา และมีช่องทางออนไลน์ที่เติบโต ตั้งเป้าขยายเพิ่มอีก 7 สาขา หนุนเป้ารายได้ปีนี้วางไว้โต 20%
นายปรเมศร์ เหรียญเจริญสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอปเปอร์ ไวร์ด จำกัด (มหาชน) หรือ CPW เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวดประจำไตรมาส 1/2564 ของบริษัทฯ และบริษัทฯ ย่อยมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,038.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 254.47 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 32.46 และมีกําไรสุทธิ 24.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 13.38 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 115.25 ขณะที่อัตรากําไรสุทธิต่อรายได้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 2.41 จากไตรมาส 1/2563 ทำได้ร้อยละ 1.48 สะท้อนสินค้าเทคโนโลยีเติบโตอยู่ในกระแสความต้องการของผู้บริโภค และการบริหารจัดการภายในทำได้มีประสิทธิภาพ ภายใต้มาตรการของรัฐบาลในการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
สำหรับรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 1,031.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกัน ของปีก่อน 253.13 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 32.52 เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายสินค้าคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต และโทรศัพท์มือถือ ขณะที่รายได้จากการขายของดิจิทัลไลฟ์สไตล์ และรายได้ค่าบริการลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีสัดส่วนรายได้จากการขายสินค้า Apple เป็นสัดส่วนร้อยละ 81.49 ของรายได้จากการขายและบริการทั้งหมด เทียบกับไตรมาส 1/2563 อยู่ที่ร้อยละ 73.98
“ในไตรมาสแรกของปีนี้สินค้ากลุ่ม Apple มีการเติบโตที่ดีขึ้นจากยอดขาย iPhone 12 รวมทั้ง iPad และ MacBook ที่วางจำหน่ายในช่วงปลายปี 2563 ที่ผ่านมา ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีมากในปัจจุบัน รวมทั้งกระแสการทำงานที่บ้าน (Work from Home) หรือการเรียนการสอนผ่านออนไลน์ สนับสนุนความต้องการสินค้า และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่มากยิ่งขึ้น ขณะที่สินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์แม้จะปรับลดลงในไตรมาสนี้ แต่จะกลับมาสร้างการเติบโตได้อีกมากจากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ โดยเฉพาะเทคโนโลยี 5G IoT AR และ VR คาดจะเข้ามากระตุ้นตลาดให้คึกคัก” นายปรเมศร์ กล่าว
ทั้งนี้ รายได้จากช่องทางออนไลน์มีสัดส่วนร้อยละ 4.65 ของรายได้จากการขายและบริการ คิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 288 จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยบริษัทฯ จะพยายามขยายการเติบโตผ่านช่องทางออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อเป็นอีกช่องทางการจำหน่ายที่แข็งแกร่ง
ขณะที่ ณ สิ้นไตรมาส 1/2564 บริษัทฯ มีร้านค้าปลีกภายใต้การบริหารงาน จํานวน 45 สาขา (จากไตรมาส 1/2563 มีจำนวน 44 สาขา) ประกอบด้วย ร้าน .life (ดอทไลฟ์) จํานวน 23 สาขา ร้าน Apple Brand Shop จํานวน 17 สาขา (แบ่งเป็น iStudio by copperwired จํานวน 13 สาขา U-Store by copperwired จํานวน 3 สาขา และ Ai_ จํานวน 1 สาขา) และศูนย์บริการ iServe จํานวน 5 สาขา สืบเนื่องจากมาตรการของรัฐบาลในการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2563 ถึง 2 กุมภาพันธ์ 2564 บริษัทฯ ได้ปิดร้านค้าปลีก จํานวน 2 สาขา ป็นการชั่วคราว (ในไตรมาส 1/2563 ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม ถึง 31 มีนาคม 2563 บริษัทฯ ได้ปิดร้านค้าปลีกจํานวน 41 สาขา)
ทั้งนี้ บริษัทฯ มั่นใจเป้าหมายรายได้ในปีนี้จะเติบโตจากปีก่อน 20% ตามที่วางไว้ จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ในช่วงระหว่างปี และการบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ และช่องทางการจำหน่าย โดยในปีนี้วางแผนเปิดสาขาใหม่ 7 สาขา คาดจะทำได้ตามเป้า ควบคู่การจับมือพันธมิตรชั้นนำอย่างเอไอเอส เพิ่มความได้เปรียบในการจัดทำแผนการตลาดร่วมกัน และตอบโจทย์ผู้บริโภคด้วยการใช้ชีวิตแบบ Smart Living ได้อย่างสมบูรณ์