xs
xsm
sm
md
lg

EIC SCB คาด กนง.คงดอกเบี้ยตลอดปี เน้นเพิ่มประสิทธิภาพนโยบาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (EIC SCB) คาดการณ์คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ตลอดปี 2564 หลังมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิม 0.50% ในการประชุมวานนี้ แม้ว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงมากจากการระบาด COVID-19 ระลอก 3 โดยจะให้ความสำคัญมากกว่ากับการเพิ่มประสิทธิภาพของนโยบายการเงินเพื่อกระจายสภาพคล่องแก่ภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงเน้นสนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้ และอาจขยายระยะเวลาของการลดอัตรานำส่งเงินสมทบกองทุนฟื้นฟูฯ (FIDF) ออกไปอีกได้

ทั้งนี้ EIC SCB มองว่า โอกาสที่ กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกยังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากการส่งผ่านของนโยบายการเงินอาจมีข้อจำกัดมากขึ้นในเวลาที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำมาก โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกอาจไม่สามารถกระตุ้นอุปสงค์ในระบบเศรษฐกิจเพิ่มเติมได้มากนัก เนื่องจากกำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่พึ่งพารายได้จากดอกเบี้ยเงินฝากอาจลดลงตามอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ปรับตัวลดลง จึงส่งผลต่อแนวโน้มการบริโภค นอกจากนี้ การกระตุ้นการลงทุนอาจไม่สามารถทำได้มากนักในภาวะที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง

โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจช่วยลดต้นทุนทางการเงินบ้าง แต่ไม่ได้มีบทบาทในการกระจายสภาพคล่องให้แก่ภาคธุรกิจและครัวเรือนที่มีความเสี่ยงด้านเครดิต (credit risk) สูง ดังนั้น ปัญหาสำคัญเรื่องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดจึงยังคงอยู่ ขณะที่ดอกเบี้ยเงินฝากที่ลดลงเข้าใกล้ศูนย์อาจนำไปสู่การสะสมความเปราะบางของภาคการเงินจากพฤติกรรม Search for yields ที่ทำให้มีการประเมินความเสี่ยงจากการลงทุนต่ำเกินไป โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ออมที่ยังขาดความรู้ความเข้าใจทางการเงินที่เหมาะสมเพิ่มเติมอีกด้วย

ดังนั้น EIC SCB ประเมินว่า ธปท. จะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพของมาตรการสนับสนุนสินเชื่อผู้ประกอบธุรกิจ และมาตรการ asset warehousing (หรือมาตรการ "พักทรัพย์ พักหนี้") ที่ได้ดำเนินไป รวมทั้งอาจมีการขยายมาตรการลดอัตรานำส่งเงินสมทบกองทุนฟื้นฟูฯ (FIDF) ออกไป ทั้งนี้ ล่าสุด ธปท. ได้มีการปรับเงื่อนไขของมาตรการสินเชื่อ Soft loan ครั้งก่อนเพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบและมีความยืดหยุ่นในทางปฏิบัติมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ธปท. อาจขยายระยะเวลาของการลดอัตรานำส่งเงินสมทบกองทุนฟื้นฟูฯ ออกไปอีกได้ จากเดิมที่ประกาศว่าจะลดอัตรานำส่งมาอยู่ที่ 0.23% เป็นระยะเวลา 2 ปี นับจากวันประกาศมาตรการเมื่อเดือนเมษายนปีก่อน

นอกจากนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศที่รุนแรงขึ้น ประกอบกับความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนที่ค่อนข้างน้อย จึงส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ทำให้เงินทุนเคลื่อนย้ายสู่ไทยยังไม่ฟื้นตัวนัก โดยถึงแม้ในปีนี้จะมีเงินทุนไหลเข้าตลาดตราสารหนี้ แต่ก็พบว่ายังมีเงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้นไทยในระดับที่ใกล้เคียงกับที่เข้ามาในตลาดตราสารหนี้

ด้านค่าเงินบาท แม้เงินดอลลาร์สหรัฐจะโน้มอ่อนลง แต่เงินบาทกลับอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินในภูมิภาคจากดุลบัญชีเดินสะพัดที่ขาดดุล และสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศที่รุนแรงขึ้น โดยปัจจุบันเงินบาทอยู่ที่ 31.2 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าจากต้นปี 4% ซึ่งเป็นการอ่อนค่าที่มากกว่าค่าเงินของประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค และหากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เงินบาทยังคงทรงตัวแม้ว่าดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนค่าลง -2.1% ในช่วงเวลาเดียวกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น