หุ้นส่งท้ายสัปดาห์ปิดลบ 7.33 จุด นักลงทุนขายลดความเสี่ยงก่อนหยุดยาว 4 วันติดต่อกัน เนื่องจากยังไม่รู้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศจะเป็นอย่างไรบ้างในช่วงวันหยุด สำหรับแนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดตลาดหุ้นมีโอกาสอ่อนตัวลง
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้พักตัวหลังจากขึ้นไปแรงในช่วง 2 วันที่ผ่านมา และตลาดบ้านเราปิดทำการ 4 วันติดต่อกัน ทำให้เกิดแรงขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยง เนื่องจากยังไม่รู้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศจะเป็นอย่างไรบ้างในช่วงวันหยุด
ส่วนตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวแดนลบเป็นส่วนใหญ่ คาดว่าเม็ดเงินจะไหลออกจากเอเชียหลังจากที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯ ออกมาดี และในอนาคตเมื่อเศรษฐกิจฟื้นก็มีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และเงินดอลลาร์สหรัฐมีโอกาสแข็งค่า ส่งผลให้เงินทุนไหลออก นอกจากนี้ ยังได้รับแรงกดดันจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือน เม.ย.อยู่ที่ 51.1 ลดลงจาก 51.9 ในเดือน มี.ค.ส่วนดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือน เม.ย.อยู่ที่ 54.9 ลดลง 1.4% จาก 56.3 ในเดือน มี.ค.
ส่วนนายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ปรับตัวลง ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาค่อนข้างดี ทำให้กังวลเรื่องเงินเฟ้อ ขณะที่ตลาดในยุโรปเปิดบวกเล็กน้อยจากทิศทางเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น หลังประสบความสำเร็จในการกระจายวัคซีน และการเปิดประเทศ ขณะที่ทางเอเชียมีการกระจายวัคซีนที่ค่อนข้างช้า
ส่วนตลาดบ้านเรามีความกังวลจากจะเข้าสู่ช่วงหยุดระยะยาว 4 วันติดต่อกัน ส่งผลให้นักลงทุนบางส่วนขายเพื่อลดความเสี่ยงส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อจากการระบาดของโควิด-19 คาดว่าน่าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว จากตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ลดน้อยลงเรื่อยๆ แต่ยังต้องใช้มาตรการที่รัดกุมขึ้น เนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ต่อวันยังคงมีจำนวนมากอยู่
ด้านภาวะตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,583.13 จุด ลดลง 7.33 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.46% มูลค่าการซื้อขาย 85,480.11 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า นายวีระวัฒน์ กล่าวว่า ตลาดยังมี upside จำกัดทำให้มีโอกาสที่จะอ่อนตัวลง พร้อมให้แนวรับ 1,560-1,555 จุด ส่วนแนวต้าน 1,590-1,600 จุด โดยสัปดาห์หน้าให้ติดตามตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือน เม.ย.ของสหรัฐฯ และติดตามสถานการณ์การแพร่ะบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศอย่างใกล้ชิด
ด้านนายกิจพณ กล่าวว่า ตลาดค่อนข้างทรงตัว โดยอาจจะเก็งกำไรตามผลประกอบการ พร้อมให้แนวรับ 1,580-1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,600-1,630 จุด
แนวโน้มสัปดาห์หน้ายังต้องติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยหุ้นที่น่าสนใจยังคงมองหุ้นที่มีผลประกอบการไตรมาส 1/64 ที่ออกมาดี อย่างกลุ่มปิโตรเคมี และสินค้าโภคภัณฑ์ รวมทั้งกลุ่มสินค้าเกษตร และอาหาร มองว่าน่าจะมีแนวโน้มที่ค่อนข้างดี