xs
xsm
sm
md
lg

CIMBT มองเศรษฐกิจ Q1 ไม่สดใส รอ Q2 กลับเป็นบวก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) กล่าวว่า ภาพเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 ไม่ค่อยสดใส จากการระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่เมื่อปลายปี 2563 มีผลให้กิจกรรมเศรษฐกิจเดือน ม.ค.-ก.พ.64  ยังไม่เปิดเต็มที่ คนระมัดระวังใช้จ่าย ทั้งในห้าง ท้องถนน ออฟฟิศ กระแสการทำงานที่บ้าน (WFH) กลับมา แต่อย่างไรก็ตาม ปลายไตรมาส 1 เริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวก คนเริ่มจับจ่าย รถเริ่มติด กิจกรรมเศรษฐกิจเริ่มขยับ เห็นสัญญาณโมเมนตัมที่กำลังจะดีขึ้น เศรษฐกิจไทยกำลังจะผ่านพ้นช่วงฟื้นตัวตะกุกตะกัก ในไตรมาส 1 GDP ที่คาดว่าจะหดตัว -4.1% YoY น่าจะติดลบเป็นไตรมาสสุดท้าย และเริ่มเป็นบวกในไตรมาส 2 นี้ โดยสำนักวิจัยธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย คาดว่า GDP ไตรมาส 2 จะกลับมาเป็นบวก 7.8%  

โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจไตรมาส 2 ได้แก่ การส่งออกสินค้าจะเร่งตัวมากขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จีน และโลก โดยสหรัฐฯ กำลังใช้เม็ดเงินอัดฉีดเศรษฐกิจ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ น่าจะมีผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ โตเกิน 6% เมื่อคนอเมริกันมีงานทำ มีเงินใช้ ก็จะนำเข้าสินค้าจากไทย อาเซียน จีน และตลาดอื่นๆ เพราะฉะนั้นการส่งออกของไทยไปสหรัฐฯ จีน อาเซียน และประเทศอื่นๆ น่าจะเติบโตตามไปด้วย  

รวมถึงการใช้จ่ายมากขึ้นจากการอัดอั้นช่วงไตรมาส 1 มาในไตรมาส 2 เริ่มจับจ่ายมากขึ้น โดยกลุ่มที่ฟื้นตัวเร็วเป็นกลุ่มอาหารเครื่องดื่ม สินค้าเล็กๆ น้อยๆ และมาตรการภาครัฐออกมาเร่งการจับจ่าย เร่งการลงทุน เป็นปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยช่วงไตรมาส 2  

อย่างไรก็ดี มีปัจจัยเชิงลบที่รั้งเศรษฐกิจไตรมาส 2 ยังไม่สดใสถึงขั้นสุด ได้แก่ การท่องเที่ยวยังไม่ฟื้น สืบเนื่องจากวัคซีนในประเทศที่เพิ่งเริ่มฉีด ทำให้นักท่องเที่ยวยังไม่กลับเข้ามามากนัก สิ่งที่ต้องติดตามคือ มาตรการผ่อนผันเกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่น่าจะช่วยในช่วงครึ่งหลังของปี  

การลงทุนภาคเอกชนยังชะลอตัวอยู่ แม้การส่งออกสินค้าดีขึ้น การใช้จ่ายของคนในประเทศดีขึ้น แต่ยังไม่กระจายตัวออกไปในวงกว้าง ขณะเดียวกัน สต๊อกสินค้าที่ค่อนข้างสูงปลายปีที่แล้วต่อเนื่องถึงปีนี้ยังคงเป็นปัจจัยให้เอกชนชะลอการลงทุน ชะลอซื้อเครื่องจักรใหม่ ชะลอนำเข้าผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยเฉพาะการขาดการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ที่เราหวังเรื่องการย้ายฐานเข้ามาลงทุนมากขึ้น หากการฉีดวัคซีนเริ่มแพร่หลายและเปิดรับต่างชาติเข้ามาแล้ว จะเป็นปัจจัยเชิงบวกสำหรับการลงทุนมากขึ้น    

และการบริโภคสินค้าคงทน โดยเฉพาะสินค้าที่คนต้องคิดไตร่ตรองก่อนตัดสินใจซื้อ คนยังระมัดระวังอยู่ ดังนั้น การบริโภคที่กำลังฟื้นตัวแต่ยังไม่ถึงขั้นกระจายตัว โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรม ร้านอาหารที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ส่วนสินค้าคงทน สินค้าขนาดใหญ่ สินค้าเกี่ยวกับการลงทุน เช่น บ้าน รถใหม่ จะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่มากในไตรมาส 2  

ด้านค่าเงินบาทน่าจะดีกว่าที่คาด คาดว่าเงินบาทจะอ่อนค่า เพราะหลังจากสหรัฐฯ จะกังวลเรื่องเงินเฟ้อหลังจากอัดฉีดเงินเข้ามาเต็มที่ นำไปสู่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) ที่สูงขึ้น มีผลให้การคาดการณ์เงินเฟ้อที่จะตามมา คนเลยกังวล เงินไหลกลับไปสหรัฐฯ มากขึ้น ทำให้ดอลลาร์แข็งค่า บาทอ่อนค่า แต่ในไตรมาสที่ 2 นี้ การอ่อนค่าน่าจะชะลอลง และน่าจะเป็นปัจจัยที่ดีสำหรับการสร้างความสามารถในการแข่งขันให้ผู้ส่งออก  

ด้านนโยบายการเงิน แบงก์ชาติจะคงดอกเบี้ยที่ 0.50% ตลอดทั้งปี อย่างไรก็ดี แบงก์ชาติน่าจะเลือกใช้นโยบายการเงินอื่น นอกจากดอกเบี้ย อัดฉีด เงินช่วยเหลือกลุ่ม SME มาตรการอื่นๆ เร่งปรับโครงสร้างหนี้ต่างๆ ของครัวเรือน ขณะที่นโยบายการเงินเป็นกองหลังรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ เราคงต้องหวังให้นโยบายการคลังขับเคลื่อนมากกว่านี้ นอกจากมาตรการโอนเงินกระตุ้นการบริโภคแล้ว เราอาจเห็นมาตรการจ้างงานหรือสนับสนุนการสร้างสาธารณูปโภคในพื้นที่ต่างๆ มากขึ้นเพื่อสร้างรายได้ให้คนในท้องถิ่น 

สำหรับอุตสาหกรรมเด่น ที่น่าจะฟื้นตัวไตรมาส 2 ได้แก่ รถมือสอง มอเตอร์ไซค์ อุตสาหกรรมเกี่ยวข้องกับค้าปลีกค้าส่ง อุตสาหกรรมยางรถยนต์ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกทั้งหลาย เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ คอมพิวเตอร์ส่วนประกอบ บรรจุภัณฑ์ หรือพลาสติก กลุ่มพวกนี้ฟื้นตัวได้ดี เป็นสัญญาณต่อเนื่องได้ช่วงไตรมาสที่ 2 นี้ และโรงพยาบาล เป็นโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้องกับคนไข้ในประเทศ

ทั้งนี้ โดยภาพรวมจากวัคซีนจะเริ่มฉีดมากขึ้นไตรมาส 2 สร้างความเชื่อมั่นได้ดีขึ้น กิจกรรมเศรษฐกิจน่าจะฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง เป็นปัจจัยเชิงบวกเศรษฐกิจไทย และน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ภาพรวมคาดการณ์ที่ 2.6% ในปี 2564 ที่ยังไม่เด่นมากนัก เพราะยังขาดการท่องเที่ยวที่เป็นรายได้หลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย แต่เมื่อเราฉีดวัคซีนได้เต็มที่ ต่างชาติกลับมามากขึ้น ก็น่าจะเป็นปัจจัยเชิงบวกให้เศรษฐกิจไทยสดใสมากขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 3


กำลังโหลดความคิดเห็น