สมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทยประเมินแนวโน้มธุรกิจปี 64 ฟื้นตัวอย่างช้าๆ ตามยอดขายรถ คาดสินเชื่อเช่าซื้อเติบโตได้ 10-20% ขณะที่เอ็นพีแอลมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังหมดมาตรการผ่อนคลายจากโควิด-19 รับการแข่งขันสูงข้นหลังมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาเพิ่ม พร้อมเร่งจัดทำแผนงานรองรับการบังคับใช้ พ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคล
นายวิสิทธิ์ พึ่งพรสวรรค์ ประธานกรรมการ สมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย เปิดเผยถึงแนวโน้มตลาดรถยนต์ในปี 2564 แนวโน้มยอดขายรถคงค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้นจากปี 2563 ที่อยู่ในระดับ 770,000 คัน มาเป็น 793,000 คันในปีนี้ และ 825,000 และ 870,000 คันในปี 2565 และ 2566 โดยมองว่า ณ ระดับปี 2563 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดแล้ว หากภาวะเศรษฐกิจไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงเข้ามากระทบอีก ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในปี 2563 น่าจะต่ำกว่าระดับปี 2562 ที่ระดับ 2.2 ล้านล้านบาท (จากจำนวนสมาชิกสมาคม 47 ราย) เล็กน้อย เนื่องจากมีสินเชื่อจำนำทะเบียนรถต่างๆ เข้ามาเสริม โดยยอดสินเชื่อในปีนี้คงจะทยอยฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากมีช่วงสะดุดของโควิด-19 ในช่วง 2 เดือนแรกของปี และหากไม่มีการระบาดรอบใหม่อีกก็น่าจะเติบโตได้ 10-20%
ขณะทิศทางสินเชิ่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ปัจจุบันยังทรงๆ ที่ 1.5-2.5% แต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเนื่องจากเริ่มเห็นภาพของลูกค้าชัดเจนขึ้น หลังหมดมาตรการผ่อนปรนจะเริ่มเห็นกลุ่มไม่สามารถกลับมาผ่อนได้ โดยในช่วงมาตรการรอบแรกมีลูกค้าขอเข้าโครงการ 40-50% หลังจากครบกำหนดมีลูกค้าขอเข้าโครงการต่ออีกประมาณ 50% ของเข้าโครงการรอบแรก การเพิ่มขึ้นของเอ็นพีแอลนั้น นอกเหนือรายได้ที่ลดลงของผู้ซื้อแล้ว อีกสาเหตุหนึ่งได้แก่ การที่ผู้ประกอบการใช้กลยุทธ์ดาวน์ต่ำ ทำให้มีความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น เพราะการให้ลูกค้าชำระเงินดาวน์ในระดับหนึ่งจะทำให้มีความรู้สึกในการรับผิดชอบสูงขึ้น โดยเงินดาวน์ในสัดส่วน 15-20% นั้นเป็นตัวเลขที่ดีและรับได้ทั้ง 2 ฝ่าย
"ยอดขายรถเมื่อปีที่แล้ว ยอดขายรถเก่าแทบไม่ได้ลดลงเลย เพราะหันมาซื้อรถมือสองที่ราคาต่ำเพราะไม่อยากขึ้นรถสาธารณะ ขณะที่ยอดขายรถใหม่น่าจะลดลง 20% และปีนี้หากไม่มีการระบาดหนักมาอีกไม่น่าจะลดลง เพราะรถยนต์ถือว่าอีกปัจจัยในชีวิตของคนไทยไปแล้ว แต่น่าจะยังไม่กลับมาถึงระดับปี 2562 ในส่วนของสินเชื่อก็เช่นกัน ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากความเข้มงวดในการปล่อยกู้เพิ่มขึ้น เห็นได้จากยอดปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้นเช่นกัน จากเดิมจะอยู่ที่ 15% สำหรับรถเก่ามาเป็น 25-30% และรถใหม่จากเดิมที่ 10% มาเป็น 15-20% สะท้อนให้เห็นถึงความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น"
ด้านทิศทางอัตราดอกเบี้ยและ Spread Interest น่าจะทรงตัวอยู่ในระดับเดิม โดยอัตราดอกเบี้ยรถมือสองอยู่ที่ 2.79% รถใหม่ที่ 2.50-2.7% และไม่น่าจะลดลงไปมากกว่าปัจจุบันอีกแล้ว เห็นได้จากการที่บริษัทเช่าซื้อรายใหญ่หลายแห่งหันไปทำธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์มือสองมากขึ้น ซึ่งชี้ให้เห็นถึงส่วนต่างดอกเบี้ยได้ลดลงมาก จึงต้องหันไปเอาส่วนต่างดอกเบี้ยของรถเก่ามาทดแทนส่วนของรถใหม่
นายวิสิทธิ์ กล่าวว่า อีกความเสี่ยงในช่วงที่เหลือของปีนั้น เราคงมองในกลุ่มที่ยังอยู่ในโครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ว่าจะสามารถกลับมาชำระหนี้ได้ตามกำหนดหรือไม่ ซึ่งคงต้องมีทั้งที่ได้และไม่ได้ ตรงนั้นจะเป็นความเสี่ยงทำให้เอ็นพีแอลมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมถึงการบริหารจัดการในลำดับต่อไปด้วย ขณะที่การแข่งขันในธุรกิจนั้นคงจะมีเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาหลายราย เช่น ธนาคารออมสินที่ร่วมกับศรีสวัสดิ์ บริษัทบัตรกรุงไทย บริษัทอิออน บริษัทโอริโค่ ออโต้ ลีสซิ่ง เป็นต้น พร้อมกันนั้น ผู้ประกอบการเองจะต้องมีการปรับตัวเพื่อตอบรับกับกฎเกณฑ์ใหม่ๆ อยู่เสมอด้วย
ล่าสุด สมาคมธุรกิจเช่าซื้อได้กำหนดการจัดทำโครงการการวางแนวทางปฏิบัติกลางสำหรับธุรกิจเช่าซื้อเพื่อรองรับการบังคับใช้ พ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้เป็นมาตรฐานกลาง (PDPA) เพื่อที่จะได้สร้างความมั่นใจให้แก่กลุ่มธุรกิจเช่าซื้อและลีสซิ่ง และจำนำทะเบียนใช้ในการปฏิบัติต่อไป โดยลงนามกับบริษัท กฎหมายและธุรกิจ อินเตอร์ คอนซัลเตนท์ จำกัด โดย พ.ต.อ.ดร.สีหนาท ประยูรรัตน์ ในจัดทำในส่วนของโครงร่าง PDPA มีบริษัทสมาชิกจำนวน 4 บริษัทเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) บริษัท ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) บริษัท อะมานะฮ์ ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลางเดือนพฤษภาคม 2564 และจะนำเสนอให้สมาชิกพิจารณาใช้ต่อไปภายในกำหนดใช้เดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ ซึ่งสมาชิกน่าจะมีความพร้อม 60-70% ที่จะดำเนินการตามมาตรฐานใหม่แล้ว