xs
xsm
sm
md
lg

บีทีเอส กรุ๊ปฯ ไตรมาส 3 กำไรวูบเหลือ 1.6 พันล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ไตรมาส 3 กำไรหดเหลือ 1,686.04 ล้านบาท ลดงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,459.60 ล้านบาท หรือลดลง 773.56 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 31.45% เพราะพิษโควิด-19 หากเทียบไตรมาสก่อนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเพราะกำไรจากการขายหุ้นบริษัทร่วมหลายแห่ง

นายรังสิน กฤตลักษณ์ กรรมการบริหารและผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS แจ้งผลงานไตรมาส 3 สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2563 ว่ามีกำไร 1,686.04 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,459.60 ล้านบาท หรือลดลง 773.56 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 31.45% ขณะที่บริษัทมีรายได้รวม 11,946 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี หากเทียบกับไตรมาสก่อนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หรือ 921 ล้านบาท คิดเป็น 120.4% จากไตรมาสก่อน ส่วนใหญ่มาจาก การบันทึกกำไรสุทธิจากการขายที่ดินที่ธนาซิตี้โดยบีทีเอส กรุ๊ป รวมถึงผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในธุรกิจสื่อโฆษณา และผลบวกจากการ IPO ของ บมจ.เคอรี่ เอ็กซ์เพรส โดย บมจ.วีจีไอ หรือ VGI นอกจากนี้ กำไรจากการที่ยูซิตี้จำหน่ายหุ้นสามัญทั้งหมดในบริษัทร่วมทุน 9 บริษัท คือ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ในเดือนพฤศจิกายน 2563 ซึ่งกำไรบางส่วนถูกลดทอนด้วยการบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์โดยยูซิตี้ (ซึ่งถูกบันทึกภายใต้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในยูซิตี้) และเมื่อเทียบกับปีก่อนกำไรสุทธิลดลง 31.5% หรือ 774 ล้านบาท สาเหตุหลักเนื่องจากไม่มีการบันทึกกำไรจากการที่ยูซิตี้ขายหมอชิตแลนด์ซึ่งถูกบันทึกไปแล้วในไตรมาส 3 ปี 2562/63 รวมถึงผลการดำเนินงานที่ปรับตัวลดลงในธุรกิจสื่อโฆษณาและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

สำหรับผลการดำเนินงานประจำงวด 9 เดือนของปี 2563/64 BTS บันทึกรายได้รวมสำหรับรอบระยะเวลา 9 เดือนของปี 2563/64 จำนวน 32,733 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.5% หรือ 2,274 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักของการเพิ่มขึ้นมาจากกำไรจากการขายที่ดิน 1,979 ล้านบาท จากการขายที่ดินที่ธนาซิตี้ รวมถึงรายได้ดอกเบี้ยรับที่เพิ่มขึ้น 296 ล้านบาท รวมถึงการเพิ่มขึ้นของกำไรจากการขายและปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุน 220 ล้านบาท ส่วนรายได้จากการให้บริการรับเหมาลดลงเหลือ 166 ล้านบาท

ส่วนใหญ่มาจากการบันทึกรายได้จากการให้บริการติดตั้งงานระบบและการจัดหารถไฟฟ้าขบวนใหม่สำหรับโครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียวที่ลดลง ทั้งนี้ รับรู้กำไรจากการดำเนินงานที่เกิดขึ้นเป็นประจำก่อนค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย ดอกเบี้ยและภาษี (Recurring EBITDA) ของรอบระยะเวลา 9 เดือน ปี 2563/64 ลดลง 2,149 ล้านบาท หรือคิดเป็น 25.7% จากปีก่อนเป็น 6,204 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาสนี้ไม่มีการบันทึกกำไรจากการที่ยูซิตี้ขายหมอชิตแลนด์ (ซึ่งถูกบันทึกไปแล้วในไตรมาส 3 ปี 2562/63)

ทั้งนี้ บริษัทฯ บันทึกกำไรสุทธิ (หลังหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย) 2,894 ล้านบาท ลดลง 1,737 ล้านบาท หรือ 37.5% จากปีก่อน โดยการลดลงของกำไรสุทธิส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในการร่วมค้าและบริษัทร่วมที่เพิ่มขึ้น ปัจจัยหลักมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในยูซิตี้ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการที่ยูซิตี้มีการบันทึกการด้อยค่าของสินทรัพย์ รวมถึงไม่มีการบันทึกกำไรจากการขายหมอชิตแลนด์ซึ่งถูกบันทึกไปแล้วในไตรมาส 3 ปี 2562/63 และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนใน BTSGIF

ส่วนรอบระยะเวลา 9 เดือน ปี 2563/64 ที่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ผลการดำเนินงานของธุรกิจสื่อโฆษณาและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ปรับตัวลดลง อันเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19


กำลังโหลดความคิดเห็น